หมวดหมู่: ท่องเที่ยว

  • โครงการ “ชั้งหัวมัน” บ้านไร่ของพ่อหลวง ร.9

    โครงการ “ชั้งหัวมัน” บ้านไร่ของพ่อหลวง ร.9

    โครงการ “ชั้งหัวมัน” บ้านไร่ของพ่อหลวง ร.9

    เมื่อชาวเเก๊งจากราชภัฎอุดรธานีเดินทางมาศึกษาดู กับสิ่งที่พ่อสร้างไว้สำหรับ “โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ” ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านหนองคอกไก่ หมู่ที่ 5 ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เดิมบริเวณนี้เป็นพื้นที่แห้งแล้ง เกษตรกรส่วนใหญ่นิยมปลูกพืชไร่ แต่ด้วยแนวคิดอันยิ่งใหญ่จากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทำให้พลิกฟื้นผืนดินที่แห้งผากหวนคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง เพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกร

    รูปโดย Jame Sirirach Samath

    ความเป็นมาของโครงการ

    เมื่อปลายปี พ.ศ.2551                               

    พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงซื้อที่ดินจากราษฎร พื้นที่ประมาณ 120 ไร่ ณ บริเวณอ่างเก็บน้ำหนองเสือ บ้านหนองคอไก่ หมู่ที่ 5 ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ต่อมา ปี พ.ศ. 2552 ทรงซื้อแปลงติดกันเพิ่มอีก 130 ไร่ รวมพื้นที่ทั้งหมด 250 ไร่ และทรงมีดำริให้ทำเป็นโครงการตัวอย่างด้านการเกษตร รวบรวมพันธุ์พืชเศรษกิจในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง มาปลูกไว้ที่นี่ โดยเริ่มดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฏาคม 2552 เป็นต้นมา​สภาพพื้นที่โดยทั่วๆ ไป แห้งแล้ง ดินปนทรายและหินลูกรัง เจ้าของที่ดินเดิมปลูกต้นยูคาลิปไว้และตัดไม้ขายไปแล้ว มีแต่ต้นยูคาลิปที่งอกมาจากต้นตอเดิมเต็มพื้นที่ มีแปลงมะนาวเดิมอยู่ประมาณ 35 ไร่ และแปลงปลูกอ้อย 30 ไร่จึงได้พัฒนาพื้นที่ ให้เป็นแปลงปลูกพืชเศรฐกิจ ซึ่งมีทั้งพืชผักสวนครัว นาข้าว สวนไม้ผล ยางพารา มะพร้าว สัปรด พืชไร่ ฯลฯ กองงานส่วนพระองค์ ขอความร่วมมือหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนให้เข้ามาช่วยกันปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ เช่น การทำถนนเข้โครงการ ขุดสระเก็บน้ำ ทำรั้วรอบโครงการ ก่อสร้างอาคาร และสาธารณูปโภค ติดตั้งระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล ทำระบบชลประทาน ทำให้พื้นที่โครงการ และหมู่บ้านใกล้เคียงมีความเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว

    เมื่อปี พ.ศ. 2551 เกิดเหตุการความคิดเห็นต่างกันทางการเมืองทำให้มีกลุ่มบุคคลออกมาแสดงความคิดเห็น สร้างความไม่สงบขึ้น
    พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเอาหัวมันเทศวางบนตาชั่งตั้งไว้บนโต้ะทรงงาน เพื่อเป็นคติเตือนใจ “ชั่งหัวมัน” หัวมันเทศเมื่องวางอยู่นานเข้าก็จะแตกใบ มีต้นงอกออกมา ก็ทรงให้เอาต้นมันนั้นไปเพาะเลี้ยงไว้ในเรือนเพาะชำ แล้วนำมันเทศหัวใหม่มาวางไว้บนตาชั่งแทน ทำเช่นนี้เรื่อยไป ในเรือนเพาะชำก็มีแต่ต้นมันเทศ ทรงมีดำริว่า หัวมันเทศวางไว้บนตาชั่งไม่มีดินและน้ำยังงอกได้ที่ดินแปลงนี้ มีดินและพอมีน้ำอยู่บ้างก็น่าจะปลูกมันเทศได้จึงทรงพระราชทานต้นมันเทศจากเรือนเพาะชำมาปลูกไว้ที่นี่และพระราชทานชื่อโครงการนี้ว่า

    “ โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ ”

    โครงการชั่งหัวมัน

     

    พระราชดำรัส

    …..คนที่ได้ดูก็เห็นได้ว่า เริ่มต้นด้วยไม่มีอะไรเลย แต่ว่าต่อมาภายในวันเดียว ทุกคนที่อยู่ในท้องที่นั้นก็เข้าใจว่าต้องช่วยกัน และยิ่งในสมัยนี้ ในระยะนี้เราต้องร่วมมือกันทำ เพราะว่าถ้าไม่มีการร่วมมือกันก็ไม่ก้าวหน้า ไม่มีความก้าวหน้า ฉะนั้น การที่ท่านได้ทำแล้วมีความก้าวหน้านี้เป็นสิ่งที่ดีมาก หลักการก็อยู่ทุกคนต้องช่วยกันเสียสละ เพื่อให้กิจการในท้องที่่ก้าวหน้าไปด้วยดี ก้าวหน้าได้อย่างไรก็ด้วยการช่วยเหลือกัน แต่ก่อนนั้นเคยเห็นว่ากิจการที่ทำมีกลุ่มหนึ่งทำ และทำให้ก้าวหน้า เเต่อันนี้มันไม่ใช่กลุ่มหนึ่ง มันทั้งหมดร่วมกันทำ และก็มีความก้าวหน้าแน่นอน อันนี้ก็เป็นสิ่งมหัศจรรย์ และเป็นสิ่งที่ทำให้มีความหวัง มีความหวังว่าประเทศชาติจะก้าวหน้า ประเทศชาติจะมีความสำเร็จ…..

    พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๒

    วัตถุประสงค์
    1. เพื่อให้เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์พืชเศรษฐกิจ พืชพันธุ์ดีของอำเภอท่ายาง และของจังหวัดเพชรบุรี
    2. เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรแก่เกษตรกร
    3. เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำแปลงหรือมาช่วยงานพระองค์
    เป้าหมาย
    โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ มีเป้าหมายในการสนองพระราชประสงค์และพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ให้เป็นศูนย์รวมพันธุ์พืชเศรษฐกิจของอำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงรวมทั้งการจัดการฟาร์มโคนม และโรงเลี้ยงไก่ไข่ โรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นม ซึ่งมีผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์ และสเตอริไรส์ ตลอดจนมีหน่วยทดลองพลังงานทดแทน  เช่น ทุ่งกันหันลม พลังงานแสงอาทิตย์ และไบโอดีเซล ทั้งนี้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงชาวบ้านที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงได้เข้ามาร่วมกันบำรุงดูแลรักษา และแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นตามวิถีการดำรงชีวิตเกษตรกรรมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
    “…โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ ได้ดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์เกษตรที่ปลอดภัยจากสารพิษ ภายใต้การควบคุมกำกับดูแลขั้นตอนการผลิตอย่างใกล้ชิดโดยนักวิชาการเกษตรที่มีความชำนาญเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพผ่านการเก็บเกี่ยวรวบรวมผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ การคัดเลือก คัดแยก และบรรจุ เพื่อส่งถึงผู้บริโภค ให้มั่นใจได้ว่า ผู้บริโภคจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ…”
    กิจกรรมโครงการ
    • การใช้กังหันลมผลิตไฟฟ้าเพื่อเป็นพลังงานทดแทน
    • การผลิตพืชปลอดภัยจากสารพิษ
    • การสาธิตการปลูกสบู่ดำ
    • การปลูกข้าวสายพันธุ์ต่าง ๆ
    • แปลงศึกษาและส่งเสริมการผลิตชมพู่เพชรสายรุ้ง
    • แปลงศึกษาและส่งเสริมการผลิตหน่อไม้ฝรั่ง
    • การทำปุ๋ยหมัก
    • การปลูกไม้ผล พืชไร่ ประกอบด้วย แก้วมังกร กล้วยน้ำว้า กล้วยหักมุก มะละกอ มะนาว ฟักทอง กล้วย อ้อย มะพร้าวน้ำหอม มะพร้าวห้าว ฯลฯ
    • การปลูกพืชผัก ประกอบด้วย มันเทศ กระเพรา โหระพา พริกพันธุ์ซูปเปอร์ฮอต มะเขือเทศราชินี กระเจี๊ยบเขียว วอเตอร์เครส มะระขี้นก ผักหวานบ้าน ฯลฯ
     
    ผลิตภัณฑ์
    โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ ได้ดำเนินการผลิต ผลิตภัณฑ์เกษตรที่ปลอดภัยจากสารพิษ
    ภายใต้การควบคุมกำกับดูแลขั้นตอนการผลิตอย่างใกล้ชิด โดยนักวิชาการเกษตรที่มีความชำนาญ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ผ่านการเก็บเกี่ยวรวบรวมผลิตภัณฑ์ ที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ การคัดเลือก คัดแยก และบรรจุ เพื่อส่งถึงผู้บริโภคให้มั่นใจได้ว่า ผู้บริโภคจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ โดยผลิตภัณฑ์จากโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ จะมีวางจำหน่ายเฉพาะที่ร้านโกลเด้น เพลซ เท่านั้น

    พอเข้าไปก็เริ่มเดินออกสำรวจ พี่ ๆ เจ้าหน้าที่ก็นำรถออกมารับเพื่อขับดูรอบ ๆ พื้นที่โครงการ พร้อมคำเเนะนำเเละที่มาที่ไปขอเเต่ละที่

    รูปโดย Jame Sirirach Samath

    โรงเลี้ยงโคนม

    โรงเลี้ยงโคนม โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2553 โดยนำโคนมปลดระวางจากโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา จำนวน 14 ตัว มาเลี้ยงเพื่อเป็นศูนย์สาธิตการเลี้ยงโคนมให้กับชาวจังหวัดเพชรบุรีและใกล้เคียง โดยมีเกษตรกรผู้สนใจเข้ามาศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชมงคลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เข้ามาฝึกงานการเลี้ยงโคนมกับทางโครงการฯ ด้วย สำหรับการดูแลโคนมแรกคลอดถึง 3 เดือน จะให้น้ำนมโคเป็นอาหารหลักวันละ 4 ลิตร จำนวน 2 เวลา ส่วนโคนมอายะครบ 3 เดือนจะให้อาหารหยาบ โดยปล่อยให้แทะเล็มหญ้าสดในแปลง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงให้ความสำคัญกับลักษณะพันธุ์หญ้าที่โคกิน โดยทางโรงโคนม ได้เลือกหญ้าพันธุ์แพงโกล่า เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนการโปรตีนสูง เป็นพืชอาหารสัตว์ชั้นดีสำหรับโค ซึ่งการกินหญ้าสดส่งผลใหสุขภาพของโคแข็งแรงดี

     

    รูปโดย Jame Sirirach Samath

     

    รูปโดย Jame Sirirach Samath

    รูปโดย Jame Sirirach Samath

     

    ภาพจาก นิตยสาร BAREFOOT

     

    นอกเหนือจากพืชเศรษฐกิจในพื้นที่ ที่นี่ยังมีการปลูกไม้ผลพืชไร่และพืชผักต่าง ๆ มีแปลงสาธิตปลูกข้าวทั้งข้าวเจ้าและข้าวเหนียว ปลูกยางพารา ซึ่งทั้งหมดนี้จะเน้นไม่ให้มีการใช้สารเคมี หรือหากต้องใช้ก็ต้องมีในปริมาณที่น้อยที่สุด เรื่องของการปศุสัตว์ ก็มีการทดลองทำฟาร์มโคนม ฟาร์มไก่ และมีการใช้พลังงานจากทุ่งกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ภายในโครงการนอกจากนี้ยังทรงให้ปรับปรุงระบบระบายน้ำที่อ่างเก็บน้ำหนองเสือเพื่อใช้ในโครงการ และยังมีชาวบ้านมาสมัครเป็นลูกจ้างคอยดูแลพืชพรรณ ฟาร์มปศุสัตว์ และช่วยกันดำเนินงานต่าง ๆ ภายในโครงการ ซึ่งถือเป็นการสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้ชาวบ้าน

     

    บ้านพักของพ่อหลวง ร.9

    โครงการชั่งหัวมัน

    ภาพจาก JoePortfolio / Shutterstock.com

     

    โครงการชั่งหัวมัน

    รูปโดย Jame Sirirach Samath

    หน่วยผลิตน้ำมันทดเเทน

      ไบโอดีเซล (Biodiesel) คือ น้ำมันพืชหรือน้ำมันสัตว์ รวมทั้งน้ำมันใช้แล้วจากการปรุงอาหารนำมาทำปฏิกิรยาทางเคมีกับแอลกอฮอล์ เรียกอีกอย่างว่าสารเอสเตอร์ มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซลมาก และในกระบวนการผลิตยังได้กลีเซอรอลเป็นผลพลอยได้ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางค์อีกด้วย

    วัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซล ได้แก่น้ำมันพืชและน้ำมันสัตว์ทุกชนิด แต่การนำพืชน้ำมันชนิดใดมาทำเป็นไบโอดีเซลนั้น แตกต่างกันไปตามลักษณะสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศ สำหรับในประเทศไทยผลิตไบโอดีเซลจากมะพร้าวและปาล์มน้ำมัน โดยผลการวิจัยในปัจจุบันพบว่าปาล์มคือพืชที่ดีและเหมาะสมที่สุดในการนำมาใช้ทำไบโอดีเซล เพราะเป็นพืชที่มีศักยภาพในการนำมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงสูงกว่าพืชน้ำมันชนิดอื่น จากการที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ ให้ผลผลิตต่อพื้นที่สูง

    โครงการชั่งหัวมัน

    รูปโดย Jame Sirirach Samath

    รูปโดย Jame Sirirach Samat

     

    นมชั่งหัวมัน

     นมชั่งหัวมัน ผลิตภัณฑ์นมสเตอริไลส์จากโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ น้ำนมโคเต็มมันเนยสเตอริไลส์ แท้ 100% จากโคนมคุณภาพดี ภายในฟาร์มโคนม ท่ามกลางธรรมชาติ และทิวเขียวที่เขียวชอุ่ม บรรจุในขวดสีสันสดใส อยู่ได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น ถูกเเละอร่อย สิ่งที่พอสร้าง

    โครงการชั่งหัวมัน

    รูปจาก Jeban.com

    สำหรับเยาวชนและประชาชนที่เข้าเที่ยวชม สามารถนำความรู้ที่ได้รับมาปรับใช้กับพืชผลการเกษตรของตนได้ ปัจจุบันโครงการชั่งหัวมันถือว่าเป็นโครงการที่มีความสำคัญต่อเกษตรกรอย่างยิ่งในการเลือกที่จะศึกษา และเป็นอีกหนึ่งแหล่งเรียนรู้ทางการเกษตรยั่งยืน รวมถึงเรื่องราวพระราชปณิธานอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ท่านที่มีต่อชาวไทยทุกคนอีกด้วย

    ก่อนกลับถ่ายรูปเก็บภาพประทับใจไว้สักนึงเเชะ ธรรมชาติ ความรู้ ความหวังดีของพ่อ ความสุข

    รูปโดย Jame Sirirach Samath

     

    การเข้าชมโครงการชั่งหัวมัน

    โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าเยี่ยมชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

    – สำหรับการแต่งกาย เน้นสวมใส่ชุดสุภาพเป็นหลัก กางเกงขายาาว (สามารถใส่กางเกงยีนส์ได้), เสื้อสีสุภาพ เช่น ขาว ดำ เทาน้ำเงินเข้ม น้ำตาลเข้ม ตัดเย็บด้วยแบบสุภาพ

    – โครงการมีรถนำชมและมัคคุเทศก์ประจำรถให้บริการฟรี โดยจะหยุดพักให้บริการงานนำชมทุกวันจันทร์ หรือหากจะเข้าชมด้วยตนเองก็มีรถจักรยานให้บริการฟรี

    – ภายในโครงการมีร้านโกลเด้นเพลซ จำหน่ายอาหารว่าง เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์เกษตรของโครงการฯ

    – การเข้าเยี่ยมชมเป็นกลุ่มหรือคณะ ควรแจ้งจองเวลาล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันทำการ โดยทำหนังสือถึง ผู้จัดการโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ ในหนังสือ ระบุรายละเอียดวัน เวลา และจำนวนคน ระบุชื่อ และหมายเลขโทรศัพท์ ผู้ติดต่อประสานงาน ส่งหนังสือถึงโครงการ ทางโทรสาร หมายเลข 032 472702 หรือทางอีเมล chmrpth@gmail.com ติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม ทางโทรศัพท์ หมายเลข 032 472701, 032 472703

     

    เรียบเรียงโดย :: Maybe

    ขอบคุณขอมูล :: โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ (พ.ศ. 2552)   

      โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ เที่ยวบ้านไร่ของในหลวง ร.9

    โครงการชั้งหัวมัน โดยพระราชดำริ

    ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ :: Jame Sirirach Samath

  • เกาะตะรุเตา เกาะเเห่งเเดนสวรรค์

    เกาะตะรุเตา เกาะเเห่งเเดนสวรรค์

    เกาะตะรุเตา เกาะเเห่งเเดนสวรรค์

    (KOH TARU TAO)

    เกาะตะรุเตา

              เกาะตะรุเตา” ปัจจุบันเกาะแห่งนี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งในหมู่ชาวไทยและชาวต่างประเทศ มีความอุดมสมบูรณ์และความงดงามของสภาพธรรมชาติเเละอากาศที่ดีในการท่องเที่ยว โดยรอบเขตทุกพื้นที่ “อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา อ.เมือง จ.สตูล” นั้นถึงกับทำให้นักท่องเที่ยวบางคนขนานนามหมู่เกาะตะรุเตาแห่งนี้ว่าเป็น “มัลดีฟส์ (Maldives) แห่งเมืองไทย” เลยทีเดียว

    นอกจากสภาพธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์แล้ว เกาะตะรุเตายังมีประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ โดยในปี พ.ศ. 2479 การจัดตั้งสถานที่เพื่อฝึกอาชีพ และเป็นสถานที่กักกันนักโทษ เกาะตะรุเตาซึ่งอยู่ห่างไกลจากฝั่ง เต็มไปด้วยปัจจัยทางธรรมชาติที่เป็นอุปสรรคต่อการหลบหนี ก็ได้ถูกกำหนดให้เป็นสถานที่จัดตั้งดังกล่าว มีการจัดสร้างอาคารที่ทำการ ได้เเก่ เรือนนักโทษ บ้านพักผู้คุมนักโทษ เเละโรงอาหาร

              จากอดีต สู่ปัจจุบัน ได้มีการพัฒนาเเหล่งท่องเที่ยวมากมาย จนกลายเป็นที่รู้จักกันอย่างเเพร่หลายจนได้รับการประกาศจากประเทศสมาชิกอาเซียนให้เป็น ASEAN Heritage Parks หรือ อุทยานมรดกแห่งอาเซียน เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2527 ในฐานะพื้นที่อนุรักษ์ที่มีความสำคัญที่เป็นตัวแทนระบบนิเวศ โดยรอบๆ เกาะตะรุเตามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายน่าสนใจสำคัญๆ ได้เเก่

     

    เกาะตะรุเตา

                                                                            อ่าวตะโละวาว

    อ่าวตะโละวาวเป็นเส้นทางศึกษาประวัติศาสตร์เคยเป็นสถานที่ตั้งของนิคมฝึกอาชีพ กักกันนักโทษ เเละสุสานกว่า 700 ศพ  ปัจจุบันใช้บริการนักท่องเที่ยวที่สนใจ นอกจากนี้บริเวณอ่าวนี้ยังเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ตต.1 (ตะโละวาว) และสะพานท่าเทียบเรือ อาคารบริการด้วย ยังมีเเหล่งที่น่าท่องเที่ยวอีกมาก เช่น อ่าวเมาะเเละ อ่าวพันเตมะละกา อ่าวสน เเละน้ำตกลูดู

    เกาะตะรุเตา

                                                                           อ่าวพันเตมะละกา

    เป็นจุดศูนย์กลางที่มีพื้นที่มากที่สุด สามารถเดินทางไปยังอ่าวผาโต๊ะบูได้ มีทิวสนทะเลเรียบไปตามชายหาด  หาดทรายขาว เเลดูสะอาด เหมาะเเก่การเดินเล่น พักผ่อน เเละเล่นน้ำทะเล

    เกาะตะรุเตาเกาะตะรุเตา

                                                                           จุดชมวิวผาโต๊ะบู

    เป็นจุดชมวิวบนภูเขาสูง 60 เมตร มองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล สามารถใช้เป็นที่พักผ่อนสำหรับครอบครัว เพื่อน หรือผู้ที่สนใจมาเยี่ยมชม ผาโต๊ะบูจึงได้รับการประกาศให้เป็นเเหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ไว้ ในวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 เป็นเเหล่งที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีอีกสถานที่หนึ่ง

    เกาะตะรุเตา

    ถ้ำจระเข้

    เป็นถ้ำที่อยู่ปลายคลองพันเตมะละกา ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล  ภายในมีหินงอกหินย้อยสวยงามและมีลักษณะแตกต่างกันไป การเดินจะต้องนั่งเรือหางยาวเข้าไปตามครองพันเตมะละกา

     

    เกาะตะรุเตา 

                                                            เส้นทางการเดินทาง สำหรับนักท่องเที่ยว

    ท่าเรือปากบารา-อุทยานแห่งชาติตะรุเตา
    ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวตะรุเตาราวเดือนพฤศจิกายน-เมษายน มีบริการเรือโดยสารสู่เกาะ ในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา

    ท่าเรือปากบารา-ตะรุเตา บริการทุกวัน ค่าเรือโดยสารไป-กลับ คนละ 300 บาท
    เที่ยวไป 10.30 และ 15.00 น.
    เที่ยวกลับ 09.00 และ 13.00 น.

    ขอบคุณภาพ และข้อมูลจาก : http://www.hangreview.com/takutao/

    บทความอื่นๆ : 8 วิธีรับมือกับการ ” นอนไม่หลับ ”   โรคซึมเศร้า คืออะไร? ( ความลับที่เก็บเงียบไม่กล้าบอกให้ใครรู้ )

  • ขสมก.จัดรถรองรับประชาชนวันวิสาขบูชา

    ขสมก.จัดรถรองรับประชาชนวันวิสาขบูชา

    ขสมก. จัดเดินรถเมล์ 20,000 เที่ยวต่อวัน อำนวยความสะดวกให้ประชาชนวันวิสาขบูชา พร้อมทั้งจัดกำลังสายตรวจพิเศษไปช่วยอำนวยความสะดวกการจราจร ตามป้ายหยุดรถโดยสารประจำทางที่มีผู้ใช้บริการหนาแน่นอีกด้วย

    ขสมก.จัดรถรองรับประชาชนวันวิสาขบูชา
    เมื่อวันที่ (28 พ.ค. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ และรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 29 พฤษภาคม 61 เป็นวันวิสาขบูชา ซึ่งจะมีประชาชนทั่วไปใช้บริการรถโดยสารสาธารณะไปยังวัดต่างๆ เป็นจำนวนมาก ขสมก. จึงเตรียมความพร้อมให้บริการรถโดยสารประจำทางเพื่ออำนวยความสะดวก ระหว่างวันที่ 25-30 พฤษภาคม 61 ที่มีการใช้บริการเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ดังนี้

    1.สำหรับในเส้นทางปกติ มีการเพิ่มจำนวนรถ และเที่ยววิ่ง 20,878 เที่ยวต่อวัน บริหารจัดการเดินรถ ให้มีการเปลี่ยนกะพนักงานมากขึ้น ทั้งกะเช้ากะบ่าย และกะสว่าง

    2.มีการจัดรถเฉพาะกิจชัตเติ้ลบัส วันที่ 30 พฤษภาคม 2 เส้นทาง คือ เส้นทางวงกลม จากสถานีบีทีเอสจตุจักร-หมอชิต 2 และเส้นทางวงกลม จากอนุสาวรีย์ชัยฯ-หมอชิต 2 โดยกำหนดช่วงเวลาให้บริการ คือ 05.00-08.00 น.

    3.จัดเดินรถแอร์พอร์ตบัส เชื่อมต่อท่าอากาศยานกรุงเทพฯ 5 เส้นทาง

    4.จัดเดินรถเชื่อมต่อสถานีขนส่ง 4 สถานี รวม 37 เส้นทาง

    5.จัดเดินรถไหว้พระฝั่งธนบุรี (ฟรี) 10 คัน ให้บริการในวันที่ 26 พ.ค.-3 มิ.ย. โดยคันแรกออกจาก ต้นทางบริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ ฝั่งเกาะพญาไท เวลา 08.00 น. – เวลา 16.00 น. ผ่านวัดต่างๆ เช่น วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร, วัดระฆังโฆษิตารามวรวิหาร, วัดประยูรวงศาวาสวรวิหาร, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชมหาวิหาร (วัดโพธิ์), วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว), เป็นต้น

    ทั้งนี้ ได้เตรียมความพร้อมของรถโดยสารให้เรียบร้อย  พร้อมเน้นย้ำให้พนักงานประจำรถประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารรับทราบทุกครั้งเมื่อถึงวัดต่างๆ  ส่วนด้านความปลอดภัย มีการจัดอบรมพนักงานประจำรถ  กำชับให้ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และคอยดูแลการขึ้น-ลงรถของผู้โดยสารอย่างใกล้ชิด บริการด้วยความสุภาพเรียบร้อย พร้อมทั้งจัดกำลังสายตรวจพิเศษไปช่วยอำนวยความสะดวกการจราจร ตามป้ายหยุดรถโดยสารประจำทางที่มีผู้ใช้บริการหนาแน่นอีกด้วย

    ขอบคุณข้อมูลจาก PPTV

  • ปราสาท MontSaintMichel มง-แซ็ง-มีแชล

    ปราสาท MontSaintMichel มง-แซ็ง-มีแชล

    ปราสาท MontSaintMichel มง-แซ็ง-มีแชล

    MontSaintMichel (มง-แซ็ง-มีแชล) คือวิหารที่ตั้งอยู่บนเกาะโดดเดี่ยวกลางทะเลชายฝั่งตะวันตก บริเวณจังหวัดม็องช์ แคว้นบัส-นอร์ม็องดีของประเทศฝรั่งเศส ได้รับประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2522 ภายใต้ชื่อ มง-แซ็ง-มีแชลและอ่าว

    Mont-Saint-Michel

    ในปีหนึ่งจะมีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือนมง-แซ็ง-มีแชลกว่า 3 ล้าน 2 แสนคน ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับที่ 3 ของประเทศฝรั่งเศสรองลงมาจากหอไอเฟลและพระราชวังแวร์ซาย

    ตัวเกาะอันเป็นที่ตั้งของวิหารนั้นเป็นหินแกรนิต โดยมีเส้นรอบวงเกาะประมาณ 960 เมตร และสูง 92 เมตร แล้วถ้าบวกกับความสูงของตัววิหารนั้นแล้วก็จะมีความสูงถึง 155 แมตร ถือเป็นปราการธรรมชาติตั้งแต่สมัยยุคกลาง โดยตั้งชื่อตามวิหารที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขานั่นเอง บนยอดวิหารเป็นรูปปั้นทองของอัครทูตสวรรค์มีคาเอล (นักบุญมิคาเอล) สร้างโดยแอมานุแอล เฟรมีเย (Emmanuel Frémiet)

    ในปัจจุบัน มีประชากรอยู่อาศัยบนเกาะ 44 คน จากสถิติ ณ ปีค.ศ.2009

    ก่อนที่จะมีการสถาปนาราชวงศ์แรกของฝรั่งเศสขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 8 เกาะนี้เคยถูกเรียกว่า มงตงบ์ (Mont Tombe) และตามตำนาน วิหารที่อยู่บนเกาะนี้ถูกสร้างโดยการแนะนำของเทวดามีแชล ที่ได้เข้าฝันนักบุญโอแบร์ บิชอปแห่งมาฟร็องช์เมื่อปี พ.ศ. 1251 แต่เขาก็มิได้ปฏิบัติตาม เนื่องจากนึกว่าปีศาจได้มาเข้าฝัน เขาจึงได้เพิกเฉยไป จนมาถึงการฝันครั้งที่ 3 มีแชลได้ใช้นิ้วของเขาจิ้มที่หัวของโอแบร์ และเมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็ได้ตะลึงว่ามีรูอยู่บนหัวจริง ๆ จากนั้นมาเขาจึงตัดสินใจสร้างวิหารบนยอดเขา

    ในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส เนื่องจากไม่มีพระจำพรรษา ตัววิหารได้ถูกเปลี่ยนเป็นที่คุมขังนักโทษสำคัญการเมือง จนกระทั่งวิกตอร์ อูโก ได้มีบทบาทสำคัญในการรณรงค์เพื่อคืนความเป็นสิ่งก่อสร้างสำคัญทางสถาปัตยกรรมของชาติ และในที่สุดได้มีการยกเลิกการเป็นเรือนจำ และได้ถูกเปลี่ยนสถานะเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในปีค.ศ. 1874

    ในปีค.ศ.1979 ได้มีการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรม โดยองค์การยูเนสโก




    บันทึกลับฉบับหลอน กับประวัติบ้าน The Winchester House 

     

  • 5 สถานที่ท่องเที่ยว ที่ไม่ควรพลาด เมื่อไปอุดรธานีเมืองสวรรค์

    5 สถานที่ท่องเที่ยว ที่ไม่ควรพลาด เมื่อไปอุดรธานีเมืองสวรรค์

    5 สถานที่ท่องเที่ยว ที่ไม่ควรพลาด เมื่อไปอุดรธานีเมืองสวรรค์

    สถานที่ท่องเที่ยว “สำหรับใครที่คิดว่าช่วง summer จะไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวหรือคนรักที่ต้องการไปพักผ่อนรับชมธรรมชาติ หาความรู้ ไหว้พระทำบุญ จังหวัดอุดรธานีคือหนึ่งทางแรกที่ดีที่สุด ทั้งธรรมชาติ การเดินทาง สิ่งที่สามารถอำนวยความสะดวกได้เเล้ววันนี้เราจะมาเเนะนำที่ท่องเที่ยวกันนะค่ะ”

    #1 วัดป่าภูก้อน 

    วัดป่าภูก้อน พบกับสวรรค์บนดินของแท้ ความสวยงามของสถาปัตยกรรมแห่งพุทธศิลป์ วัดป่าแห่งภาคอีสาน กลางพื้นที่ว่า 3,000 ไร่ ท่ามกลางป่าไม้ธรรมชาติ พรรณไม้นานา และสัตว์ป่า ยิ่งหนาวหน้ายิ่งปกคลุมไปด้วยทะเลหมอกราวกับสวรรค์ของเเท้

    วัดป่าภูก้อน แหล่งที่มา:https://www.google.co.th

    วัดป่าภูก้อน ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม ท้องที่บ้านนาคำ ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี อันเป็นรอยต่อแผ่นดิน 3 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย และหนองคาย กำเนิดขึ้นจากการดำริชอบของพุทธบริษัทสี่ ผู้ตระหนักถึงคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติและป่าต้นน้ำลำธาร ซึ่งกำลังถูกทำลายโดยในปี พ.ศ. 2527 พระเดชพระคุณหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ได้เมตตาปรากฏในทิพยนิมิต สั่งให้ไปธุดงค์ทางภาคอีสานเป็นเวลา 10 วัน คุณปิยวรรณและคุณโอฬาร วีรวรรณ พร้อมคณะได้เดินทางมาธุดงค์แถบจังหวัดสกลนครและอุดรธานี เกิดความเลื่อมใสในปฏิปทาของพระป่า จึงได้เข้าช่วยเหลือท่านพระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก สำนักสงฆ์บ้านนาคำน้อย ในการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติจัดตั้งเป็นวัดป่านาคำน้อย และปลูกป่าทดแทนฟื้นฟูสภาพป่าเสื่อมโทรมกว่า 750 ไร่ อย่างถูกต้องตามระเบียบของกรมป่าไม้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติธรรมและอยู่อาศัยของพระสงฆ์

    วัดป่าภูก้อน แหล่งที่มา:https://www.google.co.th

     

     

    #2พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง มรดกโลก 5,000 ปี

    พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง หรือ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง เป็นแหล่งทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศไทย ตั้งอยู่ที่อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี มีพื้นที่ประมาณ 25 ไร่เศษ จัดแสดงวิถีชีวิตของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อราว 5,000-1,400 ปีมาแล้ว และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้รับรู้ถึงการดำรงชีวิตในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปกว่า 5,000 ปีอีกด้วย

     

    พระเจ้าอยู่หัวในราชกาลที่9 เเละพระราชีนีเข้าเยี่ยมชมมรดกบ้านเชียง แหล่งที่มา:https://www.google.co.th

     

    ซึ่งร่องรอยของมนุษย์สมัยก่อนจะแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่มีพัฒนาการแล้วใน หลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านความรู้ความสามารถหรือภูมิปัญญา อาทิ เครื่องมือในการดำรงชีวิต และการสร้างสังคมวัฒนธรรมของมนุษย์ได้สืบเนื่องต่อกันมาเป็นระยะเวลายาวนาน ที่ครอบคลุมไปถึงแหล่งโบราณคดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกกว่าร้อยแห่ง โดยมีหลักฐานอ้างอิงถึงการอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นของมนุษย์มาหลายพันปี

                            พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง

     

                           พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง

     

    #3 ทะเลบัวแดง บึงหนองหาน อันซีนแห่งสีสันธรรมชาติสันสร้าง

    ทะเลบัวแดง บึงหนองหานกุมภวาปี ชมทุ่งดอกไม้ตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ความอุดมสมบูรณ์ที่ควรค่าแก่การศึกษา .. เราๆ ท่านๆ คงเคยได้ยินชื่อของ “หนองหาน” กันมานานนม แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่สับสนหรือยังไม่รู้ว่าในภาคอีสานของเรานี้ ก็มีทั้ง “หนองหาน” สถานที่สำคัญประจำ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี และ “หนองหาร” หนองน้ำใหญ่ที่มีตำนานผาแดงนางไอ่ และความเชื่อเรื่องพญานาค ใน จ.สกลนคร ที่ยังคงเล่าขานต่อเนื่องกันมา จนถึงทุกวันนี้

     

                 ทุ่งทะเลบัวแดง แหล่งที่มา:https://www.google.com

     

     

     

     

    #4 วังนาคินทร์ หรือ คำชะโนด

    สถานที่ ที่ยอดนิยมมากในตอนนี้ ใคร ๆ ก็อยากมาที่คำชะโนดไม่ว่าจะด้วยเเรงศรัทธา ความตั้งใจ หรือจากกระเเสจากหนัง

                      ทางเข้าวังนาคินทร์ แหล่งที่มา: https://www.facebook.com/Lolh.online/

     

    วังนาคินทร์คำชะโนด หรือชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าเกาะคำชะโนด ตั้งอยู่ระหว่างตำบลวังทอง ตำบลบ้านม่วง และตำบลบ้านจันทร์ อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี เป็นเกาะขนาดใหญ่ขึ้นกลางน้ำ ในเขตบริเวณคำชะโนด มีต้นไม้ลักษณะคล้ายกับต้นมะพร้าว ต้นหมาก และต้นตาลผสมกัน ขึ้นเต็มบริเวณ มีชื่อเรียกว่า “ต้นชะโนด” ได้รับการยืนยันว่ามีอยู่เฉพาะที่นี่แห่งเดียวเท่านั้น ยามต้นชะโนด ต้องลมจะมีเสียง ฟังแล้วแอบน่ากลัวเล็กน้อย เมื่อเดินเข้ามาบริเวณด้านในของเกาะจะสัมผัสได้ถึงความร่มเย็น และมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ หรือปล่องพญานาคปรากฏอยู่ด้านใน  จากตำนานเล่ากันมาว่าท้าวศรีสุทโธเป็นพญานาคปกครองเมืองหนองกระแสร่วมกับท้าวสุวรรณนาค ทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันด้วยความรัก ความสามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นเพื่อนตายกันตลอดมา แต่มีข้อตกลงกันอยู่ว่า หากฝ่ายใดออกไปหากินล่าอาหารอีกฝ่ายต้องไม่ออกล่าเพราะเกรงว่าไพร่พลจะกระทบกระทั่งกัน

     

    บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อกันมา เป็นทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์เเละเมืองบาดาล

     

    #5  อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท

    อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ตั้งอยู่บนเขา “ภูพระบาท” ภูเขาขนาดย่อมลูกหนึ่งของเทือกเขาภูพาน อันเป็นแนวขอบด้านทิศตะวันตกของเเอ่งสกลนคร ซึ่งอยู่ในเขตคาบเกี่ยวระหว่างตำบลเมืองพานและตำบลกลางใหญ่ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี (ห่างจากตัวอำเภอบ้านผือไปทางทิศตะวันตกประมาณ ๑๒ กิโลเมตร)ภูเขาลูกนี้อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง ๓๒๐ – ๓๕๐ เมตร มีพื้นที่ทั้งหมด ๓,๔๓๐ ไร่อันเป็นพื้นที่ของเขตป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าเขือน้ำ” ประกอบด้วยป่าหลายประเภทคือ ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ และป่าดิบแล้ง จึงเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่อุดมไปด้วยพันธุ์ไม้หลายชนิด ทั้งไม้ดอก ไม้ยืนต้น และสมุนไพร และเป็นแหล่งอาหารและแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของผู้คนในแถบนี้นับตั้งแต่

     

    ทางเข้าภูพระบาท แหล่งที่มา: https://www.google.com

     

    ชื่อ “ภูพระบาท” มีที่มาจากรอยพระพุทธบาทที่ประดิษฐานอยู่บนเทือกเขาแห่งนี้ และภายในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทยังมีเสาหินและเพิงหินขนาดใหญ่กระจายตัวอยู่ทั่วไป เพิงหินเหล่านี้เป็นหินทรายของหมวดหินภูพาน มีอายุอยู่ในสมัยครีเทเชียส ราว ๑๓๐ ล้านปีมาแล้ว ที่ถูกกระบวนการทางธรรมชาติกัดเซาะ (โดยน้ำและลม) มาเป็นเวลาหลายล้านปีจึงทำให้สภาพภูมิประเทศแปรเปลี่ยนเป็นเสาหินและเพิงหินรูปร่างสวยงามแปลกตาเช่นในปัจจุบัน

    เเหล่งที่มา : https://www.kapook.com/

     

     

    เป็นยังไงบางค่ะเพื่อน  ๆ ถูกใจหรือชอบสถานที่ไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า นี้เเค่ยกมาเเค่ตัวอย่างเล็ก ๆ นะในอุดรธานียังมีที่ท่องเที่ยวอีกเยอะเเยะเเละเเปลกใหม่ให้ลองไปสัมผัส อยากให้ลองมาเที่ยวมาสัมผัสกับจังหวัดอุดรธานีดูนะค่ะ ผู้คนใจดี เป็นกันเองเหมือนคนครอบครัวเดียวกัน

     

     

    แหล่งที่มา : http://www.watpaphukon.org/history/

    https://travel.kapook.com/view57699.html

    https://www.sanook.com/travel/1405785/gallery/

     

    บทความที่เกี่ยวข้อง  :  เมื่อถูกเขาขับไสไล่ส่งให้ “ไปไหนก็ไปเลย” 

       มหัศจรรย์ 3 แกรนด์แคนยอนเมืองไทย

     

     

     

     

  • แมงกะพรุน สัตว์ร้ายใต้ทะเล

    แมงกะพรุน สัตว์ร้ายใต้ทะเล

    แมงกะพรุนสัตว์ร้ายใต้ทะเล

    ซัมเมอร์นี้ใครมีแพลนไปเที่ยวทะเลคลายร้อนมาทางนี้เลยจ้า เรามีเรื่องมาบอกต่อเกี่ยวกับสัตว์ทะเลที่มีพิษร้ายซึ่งเป็นภัยใกล้ตัว ที่มีชื่อว่า แมงกะพรุน มาฝากกัน ก่อนอื่นไปรู้จักสัตว์ชนิดนี้กันก่อนเลย

    แมงกะพรุนเป็นสัตว์น้ำที่มีระบบการทำงานของร่างกายไม่ซับซ้อน มีลำตัวโปร่งใส ร่างกายประกอบด้วยเจลาตินเป็นส่วนใหญ่ สามารถมองเห็นเข้าไปได้ถึงอวัยวะภายใน แมงกะพรุนจะมีเข็มพิษ (Nematocyst) อยู่ทั่วตัว โดยเฉพาะบริเวณหนวดและรอบปากซึ่งใช้ในการล่าเหยื่อ ด้านล่างตรงกลางเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่กินและย่อยอาหาร มีหลายชนิด ส่วนใหญ่ดำรงชีวิตอยู่ในทะเล แต่บางชนิดอยู่ในน้ำจืด พบได้ทั้งในบริเวณน้ำตื้นทั่วไป  ผิวน้ำและทะเลลึก ทั้งในทะเลเขตร้อนไปจนถึงทะเลน้ำแข็งบริเวณขั้วโลก ไม่ค่อยมีศัตรูหรือคู่แข่งตามธรรมชาติ มีผู้ล่าหลักคือ เต่าทะเล ปลาทูน่า ปลาฉลาม ปลาพระอาทิตย์ (Sunfish) และแมงกะพรุนด้วยกัน

    เรื่องของแมงกะพรุน

    เป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่สุด แมงกะพรุนเป็นสัตว์ที่มีวิวัฒนาการน้อยมาก นับตั้งแต่เกิดขึ้นมาในโลก อาศัยอยู่ในโลกมาแล้วไม่ต่ำกว่า 500 ล้านปี (อาจถึง 700 ล้านปีหรือกว่านั้น) จึงนับเป็นสัตว์ที่ดึกดำบรรพ์ที่สุดในโลก

    มีขนาดเล็กมากจนไปถึงยาวหลายสิบเมตร แมงกะพรุนชนิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ แมงกะพรุนขนสิงโต (Cyanea capillata) ที่เมื่อแผ่ออกแล้วอาจมีความกว้างได้ถึงเกือบ 3 เมตร และยาวถึง 37 เมตร ปกติพบในอาร์กติก มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ และมหาสมุทรแปซิฟิคเหนือ

    จัดว่าเป็นแพลงตอนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่ถูกจัดป็นแพลงตอนเพราะเป็นสัตว์ที่ไม่มีหัวใจ ไม่มีกระดูก ไม่มีระบบเลือด และไม่มีสมอง มีเพียงระบบประสาทพื้นฐานเท่านั้น

    ระบบการเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพในบรรดาสัตว์น้ำทั้งหมด โดยเคลื่อนที่ด้วยการหดขยายร่างกายรูประฆังของตัวเอง เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนดันตัวไปข้างหน้า จึงใช้พลังงานน้อย ซึ่งนับเป็นการเคลื่อนที่ที่มีประสิทธิภาพที่สุดในบรรดาสัตว์น้ำทั้งหมด

    แมงกะพรุน แบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

    แมงกะพรุนแท้ (Scyphozoa) มีรูปร่างคล้ายร่ม มีทั้งชนิดที่มีพิษรุนแรงมาก เช่น แมงกะพรุนไฟหลายชนิดที่มักจะมีสีแดงหรือส้ม ไปจนถึงชนิดที่มีพิษรุนแรงน้อยถึงน้อยมาก และพิษจะถูกทำลายไปเมื่อโดนความร้อน เช่นแมงกะพรุนที่เรานำมาทำเป็นอาหาร

    แมงกะพรุนแท้ (Scyphozoa)

    แมงกะพรุนกล่อง (Box Jellyfish หรือ Sea Wasp) มีรูปร่างคล้ายกล่องหรือทรงแก้วคว่ำ เป็นแมงกะพรุนมีพิษรุนแรงมาก และเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากแมงกะพรุนทั่วโลก เป็นแมงกะพรุนกลุ่มที่มีวิวัฒนาการสูงกว่ากลุ่มอื่น มีอวัยวะรับแสง และสามารถกำหนดทิศทางการเคลื่อนที่ได้ ลำตัวใสถึงใสมาก มีตุ่มหนวด  มีขนาดเล็ก ที่พบทั่วไปมีขนาด 5-10 เซนติเมตร แต่หนวดอาจยาวได้ถึงสิบกว่าเมตร ชนิดที่เล็กสุดชื่อ Irkundji มีขนาดเพียง 5 ม.ม. แต่มีพิษรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

    แมงกะพรุนกล่อง (Box Jellyfish หรือ Sea Wasp)

    แมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส หรือ แมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส (Portuguese Man o’ War)

    รูปร่างคล้ายหมวกของทหารเรือชาวโปรตุเกสในยุคกลางหรือเรือรบของโปรตุเกสในยุคล่าอาณานิคม ลําตัวสีชมพูม่วง น้ำเงินหรือเขียว ยาวประมาณ 25-30 เซนติเมตร ลักษณะภายนอกของลําตัวมีปากยื่นยาวออกมาจากลําตัว และมีหนวด (ยาวได้มากถึง 30 เมตร) ออกมาจากขอบร่มเป็นสายยาวมีรูปร่างสีฟ้าหรือสีม่วง จัดอยู่ในวงศ์ Physaliidae และสกุล Physalia ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิดเท่านั้นโดยจะพบในทะเลเปิดของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ  ทะเลเมดิเตอเรเนียน มหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย แต่ปัจจุบันก็มีพบในไทยบ้างแล้วเนื่องจากถูกกระแสน้ำพัดมาตามฤดูกาล พิษของมันทำลายระบบประสาท ผิวหนัง หัวใจ และความเป็นพิษที่รุนแรงที่สุด คือ ทําให้เสียชีวิตได้เลยทีเดียว

    แมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส (Portuguese Man o’ War)

    วิธีปฐมพยาบาลจากการโดนพิษแมงกะพรุน

    1. ราดด้วยน้ำส้มสายชูอย่างต่อเนื่องหรือแช่ไว้อย่างน้อย 30 วินาที หากไม่มีให้ล้างด้วยน้ำทะเล หรือแอลกอฮอล์ล้างแผล ห้ามล้างด้วยน้ำจืดเพราะจะทำให้เข็มพิษปล่อยออกมามากขึ้น
    2. ใช้วัสดุแข็ง เช่น กระดาษ บัตร ไม้เขี่ยหนวดออกจากบริเวณที่สัมผัส โดยห้ามใช้มือสัมผัสโดยตรง
    3. ห้ามนวด ถูหรือทายาใดๆบริเวณที่โดนสายแมงกะพรุนถึงแม้ว่าอาจมองไม่เห็นว่ามีหนวดแมงกะพรุนหลงเหลืออยู่แล้ว เนื่องจากยังมีโอกาสที่จะมีถุงพิษเล็กจํานวนมากอยู่บนบริเวณผิวหนังโดยที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งถุงพิษเหล่านี้จะถูกกระตุ้นเมื่อมีแรงกดทับที่ผิวบริเวณนั้น ทําให้เกิดการยิงเข็มพิษเข้าสู่ร่างกาย และทําให้เกิดอาการมากขึ้น
    4. ราดผ่านด้วยน้ําทะเล เพื่อให้หนวดที่ติดอยู่ออกไปให้มากที่สุด
    5. ใช้น้ำแข็ง หรือน้ำอุ่นประคบเบาๆ เพื่อลดอาการปวด
    6. ใช้ใบผักบุ้งทะเลมาตำหรือขยี้ให้ละเอียดพอกรอบๆบริเวณที่โดนพิษ หากสามารถคั้นเอาแต่น้ำได้ให้คั้นเอาแต่น้ำมาทาบริเวณที่โดนพิษของแมง กะพรุน จะช่วยลดอาการปวดและการอักเสบได้ การนำผักบุ้งทะเลมาใช้นั้นควรล้างให้สะอาดก่อน
    7. ถ้ามีอาการรุนแรงหรืออาการไม่ดีขึ้น เช่น เริ่มรู้สึกหายใจลําบาก หรือเริ่มหมดสติให้รีบนําตัวส่งโรงพยาบาล

    ประโยชน์ของแมงกะพรุน

    แมงกะพรุนหลายชนิดที่มนุษย์เรานำมารับประทานเป็นอาหาร มีคุณค่าทางอาหาร คือ มีโปรตีนสูงและแคลอรีต่ำ เป็นโปรตีนประเภทคอลลาเจนสามารถรับประทานได้ ซึ่งจากการศึกษาพบว่าคอลลาเจนจากแมงกะพรุนอาจจะมีส่วนรักษาโรคไขข้ออักเสบ และโรคหลอดลมอักเสบ ตลอดจนทำให้ผิวหนังนุ่มนวลด้วย

    แมงกะพรุนบางชนิดมีประโยชน์บางชนิดก็พิษร้ายแรงถึงชีวิต ช่วงนี้ใครไปทะเล เล่นน้ำก็ระวังกันหน่อยนะคะ สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวหรือชุดแบบ wetsuit หากไม่มีก็พกน้ำส้มสายชูไปด้วยนะคะ ยกให้เป็นอีกหนึ่งไอเท็มสำคัญพอๆกับการพกครีมกันแดดเลย หรือใครไปบ่อย ดำน้ำบ่อยควรซื้อสเปรย์ป้องกันแมงพรุนติดกระเป๋าไว้ด้วยแล้วแหละมีทั้งแบบครีมและแบบสเปรย์มีสารป้องกันทั้งแสงแดดและแมงกะพรุนเลยนะ คือดี

    ที่มา www.antijellyfish.com

    www.sanook.com

    www.doctor.or.th

    www.thaiticketmajor.com

  • 5 สถานที่เที่ยว 2 คน 2 วันงบ 4000

    5 สถานที่เที่ยว 2 คน 2 วันงบ 4000

     5 สถานที่เที่ยว 2 คน 2 วันงบ 4000

    1. กางเต็นท์เขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน

    ถ้าเราเหนื่อยล้าจงเดินเข้าป่า ต้องที่นี่เลยไม่ไกลกรุงเทพ กินนอนเที่ยวที่เดียวจบ กันที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัด นครราชสีมาจะเลือกนอนแช่น้ำตกเย็นๆส่องสัตว์กลางคืน กางเต็นท์ เดินป่า เที่ยวไร่สตอเบอรี่ และสถานที่ถ่ายรูปชิคๆคูลๆอีกเพียบ ราคาสบายกระเป๋า

    กางเต๊นเขาใหญ่

    ค่าเข้าอุทยานฯ : 40 บาท/คน , รถยนต์ 50 บาท/คัน

    ค่าเช่าเต็นท์ : 150 บาท/คืน ( 2คน )

    ค่าเช่ารถส่องสัตว์ : 500 บาท/คัน (คนละ50บาท)

    ห้องน้ำ : มี

    รถเก๋ง  :ไปได้

    รายละเอียดเพิ่มเติมคลิ๊ก

    2. นอนแพลอยน้ำ กาญจนบุรี 2 วัน 1 คืน

    เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมของการเที่ยวแบบสไตร์เอาขาจุ่มน้ำเย็นๆท้ามกลางธรรมชาติสูดอากาศบริสุทธิ์และยังเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ประวัติศาสตร์มากมาย ไปง่าย จะขับรถก็ไม่ไกล จะไปรถไฟก็สุดจะชิววิวมากมาย

    นอนแพลอยน้ำ กาญจนบุรี

    ค่าตั๋วรถไฟ : 100 บาท/คน  (กรุงเทพ-ถ้ำกระแซ )

    ค่าที่พักแพริมน้ำ : 350 บาท/คน 1 คืน

    ล่องแพเปียก : 120 บาท/คน

     

    3. ภูทับเบิก เขาค้อ 2 วัน 1 คืน

    ถ้าจะพูดถึงทะเลหมอกที่งดงามเป็นที่นิยม คงหนีไม่พ้น เขาค้อ สำผัสอากาศเย็นแบบสุดฟินได้ตลอดทั้งปีบนยอดภูทับเบิก ยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัด เพรชบูรณ์ ช่วงเวลาที่มีทะเลหมอกหนาแน่นเริ่มต้นที่เดือนธันวาคม จะเลือกนอนแบบเต็นท์หรือที่พักก็เลือกได้ตามสะดวก อีกทั้งยังมีร้านอาหารให้บริการมากมาย

    ภูทับเบิก

    ค่ารถทัวร์ : 322 บาท/คน กรุงเทพ – เพรชบูรณ์

    ค่ารถสามล้อไปแยกทับเบิก : 200/คัน

    ค่าเช่าเต็นท์ : 350 บาท/คืน 2คน

     

    4. เขาล้อมหมวก ประจวบคีรีขันธ์ 2 วัน 1 คืน

    สถานที่สำหรับสาบลุยไม่ต้องคุยให้เสียเวลาแบกเป้ใส่รองเท้าแล้วก้าวออกมาได้เลย พิชิตยอดเขา ทดสอบร่างกายแถมด้วยภาพวิวทิวทัศน์สวยๆกับอากาศบนยอดเขาที่ผู้พิชิตเท่านั้นถึงได้สำผัส เตรียมร่างกาย จิตใจ ร้องเท้า ถุงมือ

    เขาล้อมหมวก

    เดินทางโดยรถไฟ : 130  บาท/คน

    เช่าจักยานปั่นรอบอ่าว : 50 บาท

    ที่พักเริ่มต้นที่ : 250 บาท/คืน

    มีตลาดโต้รุ่งให้อิ่มท้องนอนสบายได้ทั้งคืน

     

    5. ทะเลแหวก ระยอง 2 วัน 1 คืน

    ถ้าจะนึกถึงสถานที่ที่เป็นเกาะในจังหวัดระยอง คงหนีไม่พ้นเกาะสเม็ด แต่ยังมีอีกสถานที่สวยงาม เงียบสงบ แน่นอน เกาะมันใน มีกิจกรรม ดำน้ำ ดูเต่า กินอาหารทะเล นอนฟังเสียงคลื่น แนะนำไปเป็นกลุ่มจะคุ้มกว่า

    เขาล้อมหมวก

    ค่ารถตู้อนุเสาวรี  : 200บาท/คน

    ค่าที่พัก แพ็คเกจ : พร้อมอาหาร 1500บาท/คน

    ค่าเรือไปเกาะ :1000 บาท/เหมา (6คน)

  • ตำนานเกาะ สุสานตุ๊กตา แหล่งท่องเที่ยวสุดสยอง

    ตำนานเกาะ สุสานตุ๊กตา แหล่งท่องเที่ยวสุดสยอง

    ตำนานเกาะ สุสานตุ๊กตา แหล่งท่องเที่ยวสุดสยอง

    สุสานตุ๊กตา

    สุสานตุ๊กตา  บนเกาะที่มืดและน่ากลัวในคลองโซชิมิโกใกล้กับเมืองเม็กซิโกนั้นมีสิ่งที่จัดได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่ากลัวและประหลาดที่สุดในโลก เกาะนี้เรียกว่า Isla de las Munecas หรือเกาะแห่งตุ๊กตา เกาะแห่งนี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแต่อย่างใด แต่เกาะตุ๊กตานี้ได้อุทิศให้กับดวงวิญญาณที่หลงทางของเด็กหญิงผู้น่าสงสารที่ได้พบกับชะตากรรมของเธอเร็วเกินไป

    เกาะตุ๊กตา (Isla de las Munecas) ตั้งอยู่ในคลองทางใต้ของเม็กซิโก และตอนนี้กลายเป็นบ้านของตุ๊กตาพิการที่น่าสะพรึงกลัว  แขนขาที่เสียหาย  หัวที่ถูกตัดออก  ดวงตาไร้วิญญาณ ประดับอยู่ทั้งบนต้นไม้  รั้ว  และแทบจะทุกพื้นที่ที่ว่าง  ตุ๊กตาพวกนี้ดูน่ากลัวแม้จะเป็นช่วงเวลากลางวันแสกๆ  แต่ในตอนกลางคืนนั้นพวกมันจะหลอนกันเป็นพิเศษ

    สุสานตุ๊กตา
    ร่างของตุ๊กตาที่ถูกนำมาประดับตามรั้วและสถานที่ต่างๆ

    ที่มาของเกาะแห่งนี้นั้นมาจากโศกนาฏกรรม  โดยเรื่องมีอยู่ว่า   ดอน  จูเลียน  ซานตานา นักพรต ฤาษี ผู้นี้ละทิ้งทางโลกและครอบครัวของเขาเดินทางมาอาศัยอยู่ในเกาะแห่งนี้มายาวนานถึง 50 ปี เขียนบันทึกตำนานแห่งเกาะนี้ว่าได้มีเด็กหญิงคนหนึ่งจมน้ำตาย เขาพยายามที่จะหาศพเด็กผู้หญิงคนนั้นกลับขึ้นมาทำพิธี แต่หาอย่างไรก็ไม่พบ จนกระทั่งมาถึงช่วงฤดูน้ำแล้ง คลองแห่งนั้นก็แห้งสนิทไม่เหลือน้ำ ดอน จูเลียต จึงกลับไปหาศพของเธออีกครั้ง แต่กลับพบเพียงตุ๊กตาน่ากลัว 1 ตัวอยู่ที่ก้นบ่อ

    ดอน จูเลียต จึงนำตุ๊กตาตัวนั้นกลับมาที่บ้านและนำไปแขวนไว้บนต้นไม้ โดยเขามีความเชื่อว่าตุ๊กตาตัวนี้เป็นเด็กหญิงที่จมน้ำเสียชีวิตคนเดียวกัน เพราะตั้งแต่เขาพบตุ๊กตาตัวนี้ เขามักจะได้ยินเสียงเด็กร้อง หรือไม่ก็เสียงเด็กร้องไห้ ทั้งเรียกเขาจากในน้ำ ทั้งร้องเพลง

    เขากลัวมากจึงเริ่มนำตุ๊กตามาไว้บนเกาะ โดยแขวนมันไว้ตามต้นไม้ทุกต้น และทุกซอกทุกมุมของเกาะ เพราะเชื่อว่ามันคงจะทำให้วิญญาณของหนูน้อยไม่เหงา และสงบลง นอกจากนี้แล้วชาวบ้านที่มาตกปลารอบบริเวณเกาะกลับตกได้ตุ๊กตาขึ้นมาแทน

    สุสานตุ๊กตา
    ดอน  จูเลียน  ซานตานา

    เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องน่าสยองขวัญที่สุดในปี  2001  เมื่อ ดอน  จูเลียน  จมคลองเหมือนกับเด็กหญิงคนนั้น ซึ่งวันที่มีคนพบศพเขานอนคว่ำหน้าอยู่ในน้ำในคลองเดียวกันนั้นเอง  ชาวบ้านที่มาหาปลาใกล้บริเวณเกาะก็มักจะได้ยินเสียงร้องโหยหวน เหมือนกับว่ามีผีนับร้อยๆ สิงสู่อยู่ในตุ๊กตาบนเกาะแห่งนี้  หลังจากนั้นมา ก็มีคนในพื้นที่เปิดเผยว่าพบตุ๊กตาบนเกาะแห่งนี้หันศีรษะได้ ลืมตาเองได้ ก็เป็นอีกเกาะหนึ่งที่เต็มไปด้วยเรื่องลี้ลับ และน่ากลัว

    สุสานตุ๊กตา
    เรือ Trajinera ในคลองโซชิมิโก เป็นเรือที่จะจะพาคุณไปทัวร์เกาะสุดสยอง
    เกาะนี้จะอยู่ห่างจากตัวเมืองเม็กซิโกซิตี้มาทางตอนใต้ประมาณ 24 กิโลเมตร การเดินทางเข้าไปในเกาะไม่ง่ายนัก
    เพราะมีวิธีเดียวคือนั่งเรือจากท่าเรือ Embarcadero Cuemanco และ Embarcadero Fernando Celada โดยระยะเวลาที่ใช้
    ในการเดินทางจะขึ้นอยู่กับเรือที่นั่งและจะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง ซึ่งมีค่าใช้จ่าย 250 เปโซแม็กซิกันหรือ
    ประมาณ 420 บาท เกาะเล็กๆ สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่ชื่นชอบความสยองขวัญถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มี
    ชื่อเสียงในเรื่องความลี้ลับ หากใครอยากรู้สึกถึงความสยองที่แท้จริงต้องลองมาสักครั้ง
    
    

     ที่มา https://weburbanist.com

    http://travel.trueid.net

    https://www.independent.co.uk

    https://www.cheezebite.com/the-winchester-house/

  • มหัศจรรย์ 3 แกรนด์แคนยอนเมืองไทย

    มหัศจรรย์ 3 แกรนด์แคนยอนเมืองไทย

    มหัศจรรย์ 3 แกรนด์แคนยอนเมืองไทย

    รู้หรือไม่ เมืองไทยก็มีแกรนด์แคนยอน

    ไปเที่ยวไหนดีนะแนะนำ แกรนด์แคนยอนเมืองไทย ไม่ต้องไปไหนไกลสนุกแน่นอน ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเจ้าแกรนด์แคนยอนกันก่อน แกรนด์แคนยอน (Grand Canyon) เป็นดินแดนหินผาและหุบเหว ซึ่งหน้าผามีความสูงถึง 1600 เมตร และหุบเหวยาวถึง450 กิโลเมตร อยู่ในทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ค้นพบ ในปี ค.ศ. 1869 โดยพันตรีจอร์น เวสลีย์ เพาเวลล์และคณะ

    แกรนด์แคนยอนเมืองไทย

    1.แกรนด์แคนยอน บ้านแพะขวาง หมู่ 3 ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่

    “แกรนแคนยอน เชียงใหม่” เป็นบ่อดินที่มีเจ้าของคือ คุณฉัตรกรินทร์ ตระกูลอินสัน  ได้ทำธุรกิจและขุดหน้าดินไปขายเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา เวลาผ่านไปจึงทำให้สถานที่นี้กลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ มีขนาดพื้นที่ความกว้างประมาณ 30 ไร่ มีคันดินสูงเกือบ 15 เมตร หรือขนาดของตึก 3 ชั้น

    2.แกรนด์แคนยอน  “สามพันโบก” บ้านโป่งเป้า ตำบลเหล่างาม อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี

    “แกรนด์แคนยอน” สามพันโบก มีลักษณะเป็นแก่งหินขนาดใหญ่ในลำน้ำโขง ซึ่งจะปรากฏให้เห็นเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง(ประมาณเดือนมกราคม – เมษายน)  ที่เรียกว่า “สามพันโบก”เพราะบนแก่งหินมีแอ่งน้ำขนาดเล็กใหญ่จำนวนมากกว่า 3,000 แอ่ง (คำว่า “โบก”เป็นภาษาลาว แปลว่า “แอ่ง”) จึงเรียกที่นี่ว่า สามพันโบก

    3. “แกรนด์แคนยอน ชลบุรี” หรือ “แกรนด์แคนยอน คีรีIMG_1287.1

    “แกรนด์แคนยอน” ชลบุ รี หรือ แกรนด์แคนยอน คีรี ตั้งอยู่ภายในเหมืองหินคีรีนคร เลี้ยวลงแยกคีรี (เหมืองแร่ตั้งอยู่ติดกับทางรถไฟ) หมู่ที่ 7 ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ที่นี่เดิมเป็นเหมืองเก่าที่ทิ้งรกร้างมานานจนกลายเป็นพื้นที่น้ำขัง และมีลักษณะเหมือนแกรนด์แคนยอน 

    ใครสะดวกที่ไหนก็ลองไปสัมผัสความเป็นแกรด์แคนยอนเมืองไทยกันได้นะค่ะ

    ติดตามเราได้ที่ : Facebook
    กำจัดกลิ่นเท้า ที่นี่ คลิ๊ก

  • 10 สถานที่ท่องเที่ยว – ทั่วโลก สวยตะลึงไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่จริง

    10 สถานที่ท่องเที่ยว – ทั่วโลก สวยตะลึงไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่จริง

    10 สถานที่ท่องเที่ยว – ทั่วโลก สวยตะลึงไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่จริง

    1.Forte Sao Joao Baptista   ป้อมนี้ตั้งอยู่บนเกาะ Berlenga ซึ่งสร้างขึ้นในปีพ. ศ. 2194 ตามคำสั่งของ Dom João IV และเสร็จสิ้นในปีพ. ศ. 2199 สร้างขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกาะนี้ถูกครอบครองโดยโจรสลัดแอฟริกาเหนือหรือข้าศึกฝ่ายป้อมปราการที่โด่งดังที่สุดเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1666

    ตอนนั้นเองที่ Forte de SãoJoão Baptista ถูกปิดล้อมโดยกองทัพเรือสเปนประกอบด้วยเรือรบสิบสี่ลำและคาราวานได้รับคำสั่งจาก Don Diogo Ibarra ได้รับการคุ้มกันในเวลานั้นโดยกองทหารขนาดเล็กที่มีทหารน้อยกว่ายี่สิบคนและมีอาวุธปืนเพียงเก้าชิ้นป้อมนี้ภายใต้การบัญชาการของนายพล Avelar Pessoa ได้ออกมาต่อต้านการโจมตีอย่างรุนแรงของศัตรูเป็นเวลาสองวันในขณะที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เกี่ยวกับกองกำลังล้อม ตัวเลขสุดท้ายมีจำนวนห้าร้อยตายเรือรบจมและอีกสองคนที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักตรงกันข้ามกับคนตายและบาดเจ็บสี่คนในหมู่ชาวโปรตุเกส เมื่อมีเสบียงและกระสุนปืนและนายทหารคนหนึ่งรกร้างไปยังศัตรูที่ Don Diogo Ibarra ได้ตระหนักถึงสถานการณ์ที่น่าทึ่งของทหารโปรตุเกสและตอนจบลงด้วยการยอมจำนนของ Forte de SãoJoão Baptista

     

    2.Waitomo Glowworm Caves, New Zealand

     

    ถ้ำ Waitomo Glowworm Caves ตั้งอยู่บนเกาะเหนือของประเทศนิวซีแลนด์และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ การมองภาพนี้จะแสดงให้คุณเห็นว่าทำไม  ถ้ำแห่งนี้จึงไม่ซ้ำกันเนื่องจากมีหนอนนับพันตัวที่แผ่แสงเรืองแสง คุณสามารถจองการนั่งเรือผ่าน Glowworm Grotto และ Waitomo River – คุณจะเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์แบบนี้อย่างแท้จริง!

     

    3.Baatara gorge waterfall

    น้ำตก Baatara Gorge สวยตะลึงจนทำเอาน้ำตกอื่นๆ ที่เราเลยเจอมาดูดรอปไปเลย.ตั้งอยู่ตามเส้นทางภูเขาของเลบานอน “ถ้ำสามถ้ำ” เป็นถ้ำธรรมชาติขนาด 837 ฟุตเป็นหินปูนกว่า 160 ล้านปี ของยุคจูราสสิก อุโมงด้านล่างเต็มไปด้วยน้ำที่ไหลผ่านได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งไหลผ่านสะพานธรรมชาติสามแห่งที่น่าอัศจรรย์ น้ำตกที่ไม่น่าเชื่อถูกค้นพบอย่างเป็นทางการเมื่อปีที่แล้ว ในปี 1952 Henri Coiffait กล่าวว่า “นี่เป็นภาพที่น่าอัศจรรย์

     

    4.Rakotz Brucke, Germany

    Rakotz Brucke, Germany , สถานทีท่องเที่ยว

    สวน Azalea และ Rhododendron Park Kromlau เป็นสวนภูมิทัศน์ขนาด 200 เอเคอร์ ในเขตเทศบาลเมือง Gablenz ประเทศเยอรมันนี (ห่างจากชายแดนโปแลนด์ไม่ถึง 6 กิโลเมตร) มันถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 สวนเป็นตัวอย่างของสวนภาษาอังกฤษและมีสระน้ำขนาดเล็กและทะเลสาบหลายแห่ง ประกอบด้วย Rakotzbrücke (เรียกอีกอย่างว่า Devil’s Bridge)

    Rakotz Brucke, Germany, สถานที่ท่องเที่ยว

    ซึ่งสร้างขึ้นเป็นพิเศษในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เพื่อสร้างวงกลมเมื่อมีการสะท้อนในน่านน้ำใต้มัน เสาหินบะซอลต์ที่สร้างขึ้นจากเสาถูกส่งมาจากเหมืองที่ห่างไกล สวนสาธารณะไม่มีค่าเข้าชมและสามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา Rakotzbrückeใช้เวลาเดินเพียงระยะสั้น ๆ จากที่จอดรถฟรี พื้นที่จอดรถหลัก ใกล้กับสะพาน Rakotz อยู่ในหมู่บ้าน Kromlau

     

    5. Gyokusendo cave

    ถ้ำ Gyokusendo ขนาด 5 Km ที่ Okinawa World ถูกค้นพบโดยกลุ่มวิจัย Ehime University ในปีพ. ศ. 2510 นอกเหนือจากการเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโอกินาว่ายังมีการใช้เป็นที่ตั้งภาพยนตร์สำหรับภาพยนตร์หลายเรื่องที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในระดับนานาชาติในปีพ. ศ. 2517 เรื่อง Godzilla vs Mecha Godzilla

    แม้ว่าถ้ำ Gyokusendo ที่ Okinawa World รวมเป็นเขาวงกตใต้ดินที่มีทางเดินที่เข้าถึงได้เกินกว่า 5 กิโลเมตรจะวิ่งประมาณ 890 เมตร การเดินบนทางเดิน 890 เมตรนี้จะใช้เวลามากกว่า 1 ชั่วโมงโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณหยุดและใช้เวลาสังเกตคุณสมบัติที่น่าอัศจรรย์ทั้งหมดไปพร้อมกัน ภายในเป็นเขาวงกตของผู้เข้าชมหินปูนของ Ryukyu สามารถมองเห็นหินงอกและหินย้อยขนาดใหญ่กว่า 100,0000 อัน ที่มีเสน่ห์มาก ยิ่งเมื่อคุณคำนึงถึงว่าต้องใช้เวลาถึง 3 ปี ในกว่าหินจะงอก 1 มิลลิเมตรและบางแห่งก็มีความยาวหลายเมตร ในการเดินทางผ่านถ้ำ Gyokusendo Okinawa World ถ้าคุณโชคดีคุณสามารถเห็นสัตว์พื้นเมืองที่อาศัยอยู่ที่นั่น เช่น ปลาและสัตว์เลื้อยคลาน
    ในช่วงฤดูร้อน กรกฎาคมถึงกันยายน โอกินาว่าเวิลด์เค้ามีบริการทัวร์ถ้ำพิเศษ ที่ใช้เวลาประมาณ 90 นาที พาคุณไปยังสถานที่ ซึ่งไม่ได้เห็นจากทางเดินปกติ การเดินทางผ่านถ้ำ Gyokusendo ต้องปีนเขาและการเปียกน้ำ ลงน้ำรวมถึงเรียกเหงื่อเล็กน้อย ดังนั้นถ้าคุณชื่นชอบการผจญภัยแล้วล่ะก็ ถ้ำนี้พลาดไม่ได้เชียว

     

    6. Plitvice Lakes National Park

    Plitvice Lakes National Park, สถานที่ท่องเที่ยว

     

    อุทยานแห่งชาติทะเลสาบ Plitvice (โครเอเชีย: Nacionalni สวนสาธารณะPlitvička jezera, ภาษา Plitvice, เด่นชัด [plîtʋitse]) เป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่เก่าแก่ที่สุดและใหญ่ที่สุดในโครเอเชีย 2522, Plitvice ทะเลสาบอุทยานแห่งชาติเพิ่มลงทะเบียนมรดกโลกยูเนสโกได้

    Plitvice Lakes National Park, สถานที่ท่องเที่ยว

    อุทยานแห่งชาติก่อตั้งเมื่อปีพ. ศ. 2492 และตั้งอยู่ในพื้นที่ karst ภูเขาของโครเอเชียกลางที่ชายแดนบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา การเชื่อมต่อถนนสายเหนือ – ใต้ที่สำคัญซึ่งไหลผ่านเขตอุทยานแห่งชาติเชื่อมต่อแผ่นดินโครเอเชียกับชายฝั่งทะเลเอเดรียติก ที่นี่คุณจะพบพืชและสัตว์ที่หลากหลาย มีปลาหลายชนิดซึ่งเป็นปลาท้องถิ่น นก 222 ชนิด และค้างคาว 18 ชนิด พิสูจน์ว่า Krka National Park เป็นสถานที่ที่มีคุณค่าทางธรรมชาติมาก และพืชมีความหลากหลายเท่า ๆ กัน
    หุบเขาอันงดงามที่เต็มไปด้วย travertines, cascades และน้ำตกกำลังโทรหาคุณ ดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติที่บริสุทธิ์เชื่อมต่อชีวิตตัวเองและสัมผัสกับการผจญภัยอันน่าทึ่งที่สุดที่เคย รับโทรศัพท์!

     

    7. Marble Caves, Chile

    ถ้ำหินอ่อน, ประเทศชิลี อเมริกา, อเมริกาใต้ 2 ความคิดเห็นถ้ำหินอ่อน (ที่มีชื่อเสียงที่สุดของพวกเขาคือ “Capilla de Mármol” – โบสถ์หินอ่อน) ตั้งอยู่บนทะเลสาบทั่วไป Carrera / Buenos Aires (ขึ้นอยู่กับด้านใดของทะเลสาบที่คุณอยู่) Patagonia, Chile, ทัวร์เรือมักจะออกจาก Puerto Tranquillo (เมืองเล็ก ๆ น้อย ๆ ) 
    marble caves chile, สถานที่ท่องเที่ยว
    น่าตื่นตาตื่นใจ ห้องสีฟ้าและสีเทา ที่มีชีวิตชีวา ถ้ำจมอยู่ใต้น้ำบางส่วน ทั้งหมดตั้งอยู่ในน้ำสีฟ้าครุ้มชุ่มชื่นของ Carrera / B.A ทะเลสาบ ถ้ำอยู่ด้านชิลีของทะเลสาบ (La Capilla), มหาวิหาร (El Catedral) และถ้ำ (La Cueva) การก่อตัวทางธรณีวิทยาที่เป็นเอกลักษณ์ประกอบด้วยกลุ่มถ้ำอุโมงค์และเสาที่สร้างขึ้นในเสาหินอ่อนและเกิดจากคลื่นในช่วง 6,000 ปีที่ผ่านมา คุณสามารถเดินทางในเรือเล็กหรือเรือคายัค (เฉพาะในกรณีที่อากาศดีและน้ำส่วนใหญ่ยังคงอยู่)
    8. Pamukkale, Turkiye

    Pamukkale หมายถึง “ปราสาทฝ้าย” ในตุรกีเป็นพื้นที่ธรรมชาติใน Denizli ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี พื้นที่ที่มีชื่อเสียงสำหรับแร่คาร์บอเนตที่ปล่อย
    ออกมาจากน้ำไหล ตั้งอยู่ในเขตทะเลอีเจียนของตุรกีในหุบเขา Menderes ซึ่งมีสภาพภูมิอากาศปานกลางตลอดปี Travertine การก่อตัวของระเบียงที่ Pamukkale, Turkey 21 พฤษภาคม 2011 เมืองกรีกโรมันโบราณแห่ง Hierapolis ตั้งอยู่บน “ปราสาท” สีขาวซึ่งมีขนาดประมาณ 2,700 เมตร (8,860 ฟุต) ยาว 600 ม. (1,970 ฟุต) และสูง 160 เมตร (525 ฟุต) สามารถมองเห็นได้จากเนินเขาที่อยู่อีกฟากหนึ่งของหุบเขาในเมือง Denizli ห่างออกไป 20 กม.

    Pamukkale, Turkiye , สถานที่ท่องเที่ยว

    หรือที่รู้จักกันในชื่อ Pamukkale (Cotton Castle) หรือ Hierapolis โบราณ (Holy City) บริเวณนี้ได้รับการดึงความเหนื่อยล้าไปสู่น้ำพุร้อนนับตั้งแต่สมัยโบราณสมัยคลาสสิก ชื่อตุรกีหมายถึงพื้นผิวของหินปูนสีขาวหิมะส่องแสงที่มีรูปร่างเหนือพันปีโดยสปริงที่อุดมด้วยแคลเซียม หยดลงไปตามแนวน้ำตกที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่อุดมด้วยแร่ธาตุมากมายและเก็บไว้ในเฉลียงที่ทอดลงสู่น้ำตกที่ไหลลงสู่สระน้ำด้านล่าง  

    Pamukkale, Turkiye , สถานที่ท่องเที่ยว

    การท่องเที่ยวเป็นและเป็นอุตสาหกรรมหลักในพื้นที่เป็นเวลาหลายพันปีเนื่องจากความดึงดูดของสระว่ายน้ำความร้อนถนนที่ถูกสร้างขึ้นจากหุบเขาเหนือลานระเบียงและ  มอเตอร์ไซค์ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปบนเนินเขาได้ .

    เมื่อพื้นที่ดังกล่าวได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกแล้ว โรงแรมเหล่านี้ก็พังยับเยินและถนนถูกแทนที่ด้วยสระน้ำเทียม  ซากปรักหักพังและพิพิธภัณฑ์ของโรมันที่มีการรักษาไว้อย่างดี

    Pamukkale ได้รับการ ท่องเที่ยวในช่วง 20 ปี ที่ผ่านมาได้ให้ความสำคัญกับภาพถ่ายของคนที่อาบน้ำในสระว่ายน้ำแคลเซียม นอกเหนือจากเส้นทางเดินเล็ก ๆ ที่วิ่งขึ้นภูเขาหน้าผาทั้งหมดนี้ถูก จำกัด การใช้งานโดยไม่ได้รับความเดือดร้อนจากการกัดเซาะและมลพิษทางน้ำที่เท้าของนักท่องเที่ยว

    ถ้ำ Kameiwa และน้ำตก Komizo ในจังหวัดชิบะปัจจุบันเป็นที่นิยมในญี่ปุ่น ความงามของน้ำตกดูเหมือนกับเทพนิยาย 
    คุณกำลังมองหาจุดชมวิวในธรรมชาติในขณะที่ญี่ปุ่นหรือไม่?   ถ้าคุณเป็นแล้วแวะไปที่ถ้ำ Kameiwa และน้ำตก Komizo ในชิบะ ถ้าคุณเป็นคนตื่นเช้าแล้วเห็นน้ำตกรอบดวงอาทิตย์กำลังเปิดตา แสงตอนเช้าที่สะท้อนออกมาจากน้ำเป็นโอกาสในการถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยมและความทรงจำ เวลาที่ดีที่สุดในการชมน้ำตกอยู่ในช่วงฤดูร้อนเพราะทุกอย่างเขียวชอุ่มและเขียวชอุ่ม
    kameiwa-cave-chiba-japan ,สถานที่ท่องเที่ยว
    เพื่อเดินทางสู่ถ้ำ Kameiwa จากโตเกียวใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ 2 ชั่วโมง ถ้าคุณออกจากกรุงโตเกียวในตอนเช้าตรู่แล้วคุณสามารถเดินทางไปดูน้ำตกได้ทุกวัน บางคนเลือกที่จะเดินทางข้ามคืนเนื่องจากมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้น้ำตก

    Kameiwa Cave , Chiba, Japan , สถานที่ท่องเที่ยว

    อุโมงค์อาจดูเป็นธรรมชาติ แต่จริงๆแล้วเป็นอุโมงค์ที่มนุษย์สร้างขึ้น เป็นเวลานานมาแล้วที่ท้องถิ่นมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างภูมิประเทศที่แตกต่างกัน ความงดงามตามธรรมชาติของถ้ำ Kameiwa เป็นสิ่งที่ต้องดูเมื่ออยู่ในญี่ปุ่น ออกไปตามเส้นทางที่พ่ายแพ้และเข้าไปใน Chiba เพื่อชมน้ำตกและถ้ำที่สวยงาม
    10. Dunnottar Castle,Scotland
    Dunnottar Castle (ป้อมปราการบนเนินเขาสูงชัน) เป็นป้อมปราการยุคกลางที่ยุบตัวลงบนชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของสกอตแลนด์ประมาณ 3 ไมล์ ทางตอนใต้ของ Stonehaven อาคารต่างๆยังมีชีวิตอยู่ ศตวรรษที่ 15 และ 16 เชื่อกันว่าที่นี่ถูกสร้างขึ้นในช่วงยุคกลาง Dunnottar มีความโดดเด่นในประวัติศาสตร์ของสกอตแลนด์จนถึงศตวรรษที่ 17- 18 Jacobite ถูกสร้างขึ้นเนื่องจากตำแหน่งยุทธศาสตร์และความแข็งแกร่งในการป้องกัน Dunnottar เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสถานที่แห่งเกียรติยศในสกอตแลนด์ มงกุฎสกอตแลนด์มงกุฎถูกซ่อนอยู่ในการรุกรานของ Oliver Cromwell ในศตวรรษที่ 17 ที่ 14 และที่นั่งของเอิร์ล Marcinal Dunnottar ปฏิเสธหลังจาก Earl ริบชื่อของเขาโดยการมีส่วนร่วมใน Jacobite ปฏิวัติของ 1755 ปราสาทได้รับการบูรณะในยังชีพ 20 ภาษาและตอนนี้เปิดให้ประชาชน

    ซากปรักหักพังของปราสาทแผ่ซ่านไปทั่ว 1.4 เฮกตาร์ ล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชันที่นำไปสู่ทะเลเหนือ 50 เมตร (160 ฟุต) ด้านล่างแคบเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ไปยังเส้นทางที่ราบสูง ปราสาทที่อยู่ภายในปราสาทประกอบด้วยหอคอยสมัยศตวรรษที่ 14 และพระราชวังศตวรรษที่ 16 Dunnottar Castle เป็นอาคารที่มีอนุสาวรีย์และโครงสร้างของอาคารตั้งอยู่ในอาคารสิบสองหลัง