หมวดหมู่: ท่องเที่ยว

  • สวนน้ำวานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน จัดแคมเปญ “Mango Mania Buffet” เอาใจแมงโก้ เลิฟเวอร์

    สวนน้ำวานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน จัดแคมเปญ “Mango Mania Buffet” เอาใจแมงโก้ เลิฟเวอร์

    พาเหรดบุฟเฟ่ต์มะม่วง สวนน้ำวานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน

     

    สวนน้ำวานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน ที่สุดสวนน้ำระดับโลก จัดแคมเปญ Mango Mania Buffet” เอาใจแมงโก้ เลิฟเวอร์ จัดเต็มความอร่อยสุดฟินกับ มะม่วงบุฟเฟ่ต์ในราคาสุดคุ้มเพียง 199 บาท กับ 9 เมนูพิเศษให้เลือก ได้แก่ ข้าวเหนียวมะม่วง, วาฟเฟิลกับไอศกรีมมะม่วง, มะม่วงน้ำปลาหวาน, เค้กมะม่วง, พุดดิ้งมะม่วง, มะม่วงสมูตตี้, ลอดช่องน้ำกะทิมะม่วง ฯลฯ ที่สามารถสั่งได้ไม่อั้น

     

     

     

     

     

     

     

     

    พร้อมนั่งชิมไปชิลล์ไปในบรรยากาศของ Vana Cave Café คาเฟ่บาร์สุดชิค ที่จำลองบรรยากาศธรรมชาติภายในถ้ำ ตกแต่งในสไตล์จังเกิ้ล ป่าชื้นเขตร้อน เรียบง่ายแต่เก๋ด้วยมุมนั่งเล่นสบายๆ ที่ให้คุณได้นั่งพักผ่อน ฟังเสียงน้ำตกจากวานา นาวา ฟอลส์ ริมสระ Lazy River บอกได้คำเดียวว่า Relax สุดๆ

     

     

     

     

     

     

    สวนน้ำวานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน ชวนมาสนุกกับสวนน้ำ พร้อมอิ่มอร่อยสุดฟินกับแคมเป็นพิเศษ “Mango Mania Buffet” ได้ทุกวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 พฤศจิกายน 2561 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร.032-909-606  

     

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ:

    แผนกประชาสัมพันธ์ บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด                                      สลิลลา เศวตเศรนี (ปลา)

    โทร. 094-664-4146 / 086-636-2493                                                             นันท์นภัส สุขปรีดี (ซายน์)

     

    www.vananavahuahin.com

     

    บทความแนะนำอื่น : เมืองกาญจนบุรี กับ 10 สถานที่ที่ห้ามพลาด !!

  • นาโปแก อีกหนึ่งสถานที่ห้ามพลาด #พัทลุง

    นาโปแก อีกหนึ่งสถานที่ห้ามพลาด #พัทลุง

    นาโปแก อีกหนึ่งสถานที่ห้ามพลาด #พัทลุง

    “นาโปแก” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งใหม่ ตั้งอยู่ในอำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง คุณจะได้เรียนรู้วิถีชาวนาเมืองพัทลุงแบบขนานแท้ พร้อมสัมผัสกลิ่นอายธรรมชาติของท้องทุ่งนาที่มีมนต์เสน่ห์ ท้องทุ่งนาเขียวขจีไปด้วยต้นข้าวพื้นเมืองหลากสายพันธุ์ โอบล้อมศาลาและกระท่อมไม้ธรรมชาติเป็นทิวทัศน์ที่งดงาม

    หลายคนอาจสงสัยว่า “นาโปแก” คืออะไร คำตอบอยู่ในรูปนี้ค่ะ

     

    นาโปแก ตั้งอยู่ในอำเภอควนขนุน บนถนนเส้นเดียวกับทางไปอุทยานแห่งชาตินกน้ำทะเลน้อย คำว่านาโปแก เป็นภาษาพื้นบ้านท้องถิ่น นาก็คือ นาข้าว ส่วนคำว่า “โปแก” เป็นสำเนียงปักษ์ใต้ หมายถึง

    “นา” คือ พื้นที่ราบกั้นเป็นแปลง
    “โป” คือ ปู่ (หรือพ่อของพ่อ)
    “แก” คือ บรรพบุรุษ
    นาโปแก คือ นาของคุณปู่ หรือบรรพบุรุษ

     

     

    ไปชมทุ่งนาเขียวขจี หลากหลายสายพันธุ์ข้าว กันต่อเลยนะค่ะ

     

     

    นอกจากนี้ยังมีโซนร้านกาแฟ  ร้านอาหาร ร้านขายสินค้าการเกษตร และสินค้าพื้นเมือง ซึงแต่ละร้านเชื่อมโยงกันด้วยสะพานไม้ที่ทอดยาวผ่านท้องนาเขียวขจี ให้เราเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ เดินเล่น ถ่ายรูป สูดอากาศดีๆ รับลมเย็นๆ รายล้อมด้วยศาลาและกระท่อมไม้ ที่ตั้งเรียงรายเป็นเอกลักษณ์ค่ะ

     

     

    กิจกรรมวิถีนา#นาโปแก

     

     

    สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากนอนฟอกปอด ดื่มด่ำธรรมชาติฟินๆ ที่นี่ก็มีโฮมสเตย์ ‘ขนำปลายนา’ ไว้บริการ  ราคา 1,500 บ. และ 1,800 บ. ต่อหลัง พร้อมอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน **ที่นอนเสริม เด็กนอนได้ 2 คน เพิ่ม 300 บ. (ไม่รวมอาหารเช้า) 

     

     

    เป็นยังไงกันบ้างละค่ะ กับบรรยากาศท้องทุ่ง และกระท่อมปลายนาท่ามกลางความสดชื่นจากธรรมชาติ อบอวลด้วยกลิ่นอายท้องทุ่ง ดูภาพตามแค่นี้ก็รู้สึกดีขึ้นมาแล้วใช่มั้ยล่ะ

     

    เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-17.30 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-18.30 น.

    **เข้าชมฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย**

     

    Credit by :  NAPOKAE

    บทความอื่นๆ : เมืองตรังเมืองแห่งความสุข (Trang of Happiness)  โครงการ “ชั้งหัวมัน” บ้านไร่ของพ่อหลวง ร.9

     

  • เขากระโจม ทริป 2 วัน 1 คืน สุดประทับใจ

    เขากระโจม ทริป 2 วัน 1 คืน สุดประทับใจ

    ทริป 2 วัน 1 คืน รวมกลุ่มแก๊งเพื่อน ออกไปเที่ยวสาย Adventure ที่

    เขากระโจม สุตเขตประเทศจ.ราชบุรี

     

             เมื่อเราทุกคนโตขึ้นต่างคน ต่างก็มีภาระ หน้าที่ของตัวเอง จะนัดกลุ่มเพื่อนชวนไปไปเที่ยวกว่ารวมตัวให้ครบแก๊งได้แต่ละทีช่างยากเย็น แต่คราวนี้เราก็ไม่พลาดรวมตัวกันไปจนได้ เลือกสถานที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพ มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ บรรยากาศดีๆ  สะดวกสบายครบครันเห็นทีจะหนีไม่พ้นเมืองโอ่งมังกร ราชบุรี ที่พักที่พวกเราเลือกคือ คีรีมาลา-khirimala Resort เราไปกัน 20 กว่า คน  เรียกได้ว่าทั้งรีสอร์ท แทบจะมีแค่พวกเรา  เจ้าของรีสอร์ทและพี่ๆ พนักงานใจดีและเป็นกันเองกับพวกเรามากๆ บรรยากาศดี วิวสวยด้านหลังรีสอร์ทเป็นภูเขาวิวสวย

     

     

     

     

    ตกลงกันไว้กับเพื่อนๆ ว่าเราจะต้อง เตรียมตัวขึ้นรถสำหรับเพื่อขึ้นเขากระโจม เช้ามืด เวลาตี 5 (สำหรับคนที่ตื่นไหว ที่ต้องบอกว่าสำหรับคนตื่นไหวเพราะนานๆจะเจอเพื่อนที ก็ชวนกันดื่มเกือบเช้า ใครลุกไหวก็ไปใครไม่ไหวก็นอนต่อไปจ้า) เช้ามืดที่รีสอร์ทหมอกเยอะหม๊ากกก ใครขี้หนาวบอกเลยพกไปสักตัวกันเหนียว

     

           

     

    เริ่มออกจากรีสอร์ทกันตั้งแต่ฟ้ายังมืด ที่กล้าพูดว่า Adventure เพราะดูทางเซ่ ทะลักทุเลพอประมาณ ขึ้นเขาลงห้วยของจริงจ้า ทริปเรามีเด็กมาด้วย ต้องขอปรบมือให้กับความลุยของนางเพราะทางค่อนข้างลำบาก และนางไม่งอแงเลยแม้แต่น้อยกลับตื่นเต้นสนุกสนานกลับประสบการณ์ใหม่ ครอบครัวก็พาลูกๆ มาเปิดประสบการณ์ได้นะจ๊ะ

     

         

     

    ไม่อันตรายอย่างที่คิด พี่ๆไกด์ที่พาเราไปก็คือมีรถกะบะ โฟร์วิว 1 คัน ฟอทูนเนอร์ 1 คัน สำหรับผู้หญิง คันละประมาณ 1,500 บาท

    สาวๆ ก็เลยพาสบายๆ ชิวๆ ดูวิวข้างทาง ส่วนหนุ่มรถกะบะข้างหน้าเราก็หัวสั่นหัวคลอนกระโดดดกระเด้งกระดอนไปตามระเบียบ ดูไปขำไปหัวเราะเอิ้กอ๊าก

     

     

    ทางขึ้นยากมากต้องให้ผู้ชำนาญทางพาไปนะจ๊ะไม่งั้นอาจจะเกิดอันตรายได้น๊า คันเราคนขับเป็นผู้หญิง ต้องยอมรับพี่คนขับเก่งมาก พี่เค้าบอกว่าถ้านัดเวลาไหนต้องมาเวลานั้นไม่งั้นถ้ามาไม่ทันพวกเราอาจจะมาไม่ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ ก็ได้น๊า ซึ่งพวกเราขนาดพวกเราไปไม่ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นยังได้ภาพสวยๆ อวดเพื่อนเยอะขนาดนี้

     

     

    ชีวิตมันเปรี้ยว หราป่าว…แดดแยงตา ฮ่าๆ

     

     

    ขึ้นมาได้โดยที่รถสามาถพาขึ้นมาจอดได้ถึงบนเขาเลยจ้าสบายจริมๆ ต่างคนต่งก็แยกย้ายถ่ายภาพเก็บบรรยากาศสวยๆ เห็นทะเลหมอก ฟ้าก็โปร่งดี๊ดี แสงก็เริ่ด

     

     

    น้ำตกเขาแดง เป็นทางผ่านขากลับ ที่ใครจะแวะก็ได้ไม่แวะก็ได้ แต่ระดับเราแล้วไม่พลาดทางค่อนข้างลื่นต้องเดินทางเข้าไปละเป็นทางเดี๋ยวขึ้นเนินเดี๋ยวเดินลง

    เหนื่อยใช้ได้ แต่สวยอยู่น๊ามองลงไปจากน้ำตกจะเป็นหุบเขา เด้อ

     

     

    สรุป ประทับใจเพราะถึงทางจะทุลักทุเลแต่ก็ไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด ใครๆ ก็สามารถไปได้ ไม่ต้องเดินขึ้นเขาให้เหนื่อยแถมยังได้เห็นวิวสวยๆ อากาศดี๊ดี เดินทางจากรุงเทพ แค่ชั่วโมงกว่าๆ สบายมากเว่อ ที่คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม คือเราได้เจอ ได้พูดคุย ได้เปลี่ยนทัศนคติ ได้ออกไปเจออะไรที่มากกว่าจอสี่เหลี่ยม

    มีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกับเพื่อนที่ไม่ได้พอเจอกันมานานปีให้หายคิดถึง

     

    ขากลับหาอะไรอร่อยๆ กินซักหน่อย ร้านดังที่ใครๆ ที่มาราชบุรีก็ต้องแวะร้านนี้ล่ะ CORO FIELD

    ร้านน่านั่งบรรยากาศดี มีกิจกรรมให้ทำ มีวิวให้ถ่ายรูปสวยๆ เหมือนญี่ปุ่นเด้อ

     

    บทความอื่นๆ   เมืองกาญจนบุรี กับ 10 สถานที่ที่ห้ามพลาด !!     วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล เปิดวาร์ป 5 จุดเช็คอิน กิน เที่ยว

  • เมืองกาญจนบุรี กับ 10 สถานที่ที่ห้ามพลาด !!

    เมืองกาญจนบุรี กับ 10 สถานที่ที่ห้ามพลาด !!

    เมืองกาญจนบุรี  อีกหนึ่งจังหวัดที่ใกล้กรุงเทพ ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแนวธรรมชาติ ประวัติศาตาสตร์ และวัฒนธรรมต่างๆ รวมถึงกิจกรรมล่องแพ พักผ่อนกับริมแม่น้ำแคว เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่สถานที่ท่องเที่ยวเยอะมากๆ เรามี 10 สถานที่ท่องเที่ยวมาแนะนำ ขอบอกเลยว่าห้ามพลาด !!!!

            เมืองกาญจนบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันตกของประเทศไทย มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 19,473 ตารางกิโลเมตร มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองจากจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดเชียงใหม่ และมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตก มีระยะทางห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 129 กิโลเมตร มีชายแดนติดต่อกับประเทศพม่าระยะทางประมาณ 370 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ ทิศเหนือ จรดจังหวัดตากและจังหวัดอุทัยธานี ทิศใต้ จรดจังหวัดราชบุรี ทิศตะวันออก จรดจังหวัดสุพรรณบุรีและนครปฐม ทิศตะวันตก จรดประเทศพม่า

    สะพานข้ามแม่น้ำแคว

           สะพานข้ามแม่น้ำแคว ตั้งอยู่ที่ตำบลท่ามะขามอำเภอเมืองจังหวัดกาญจนบุรี เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่ง เป็นสะพานที่สำคัญที่สุดของเส้นทางรถไฟสายมรณะสร้างขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2  ภายหลังสงครามสิ้นสุดลง เมื่อปีพ.ศ. 2489จนสามารถใช้งานได้ดังเดิม ปัจจุบัน มีการยกย่องให้สะพานข้ามแม่น้ำแคว เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญจนเรียกว่าเป็นสัญลักษณ์ของกาญจนบุรี

    มีนาคาเฟ่

            มีนาคาเฟ่  ตั้งอยู่ในอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี  คาเฟ่สุดชิค บรรยากาศสุดชิล  ริมทุ่งนาหลังวัดถ้ำเสือ ทำให้สามารถมองเห็นวิวของวัดถ้ำเสือได้จากด้านหน้าร้าน  แถมมีสะพานทอดยาวกลางทุ่งให้เดินเล่นชมวิว ถ่ายภาพเช็คอินเก๋ๆหลายมุม เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกาญจนบุรีที่ไม่ควรพลาด

    น้ำตกเอราวัณ

           น้ำตกเอราวัณ เป็นน้ำตกที่ใหญ่และสวยงาม บนฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ ตั้งอยู่ที่ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี แบ่งออกเป็นชั้นๆ ได้ 7 ชั้น เป็นน้ำตกที่น้ำใสแจ๋ว เป็นสีฟ้าอมเขียวมรกตคล้ายน้ำใน สระว่ายน้ำ มองเห็นตัวปลาแหวกว่ายไปมาใต้ผืนน้ำที่สะท้อนแสง  แต่ละชั้นมีความสวยงามร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ทั้งเถาวัลย์พันเกี่ยวทอดตัวไปบนต้นไม้ใหญ่

    น้ำตกไทรโยค

           น้ำตกไทรโยคใหญ่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีคนมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก เพราะสามารถเดินทางได้ทั้งทางบก และทางน้ำ บางคนมาเที่ยวแพล่อง ก็จะต้องแวะมาที่น้ำตกไทรโยคนี้ เพราะเป็นน้ำตกที่แปลกกว่าน้ำตกที่อื่นๆ ตรงที่ น้ำตกจะไหลจากลำธารแล้ว ท้ายสุดจะมาลงยังชะง่อนหินสุดท้ายสู่ลำน้ำแควน้อย ทำให้ผู้ที่ล่องแพมาสามารถเล่นน้ำตกได้ด้วย

               

    สะพานอุตตมานุสรณ์

           สะพานอุตตมานุสรณ์ หรือ สะพานมอญ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาว 850 เมตร และเป็นสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสะพานไม้อูเบ็ง ในประเทศพม่า เป็นสะพานที่ข้ามแม่น้ำซองกาเรีย ที่ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ถ่ายรูปหรือดูวิวที่สวยมากอีกที่หนึ่ง

    วัดวังก์วิเวการาม

           วัดวังก์วิเวการาม หรือ วัดหลวงพ่ออุตตมะ เป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะ ร่วมกับชาวบ้านอพยพชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญ ได้ร่วมกันสร้างขึ้น ในปี พ.ศ. 2496 ที่บ้านวังกะล่าง อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ซึ่งยามใดที่น้ำได้ลดระดับลง เมืองบาดาลทั้งเมืองก็จะเผยความงดงามของโบราณสถาน ให้ปรากฏแก่สายตาของผู้มา เยือนเสมอ

    วัดถ้ำเสือ

           วัดถ้ำเสือ ตั้งอยู่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี  สิ่งที่สะดุดสายตาของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมวัด เพื่อกราบนมัสการ พระธาตุ ก็คือ ความใหญ่โตกว้างขวาง ของวัด และพระพุทธรูปปางประทานพรที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรีตัวองค์ พระสวยงามประดับ ด้วยโมเสคสีทองทั้งองค์   นอกจากนี้ยังมีพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท องค์พระเจดีย์เป็นสีอิฐ ทั้งองค์ แบ่งเป็นชั้นต่าง ๆ หลายชั้น แต่ละชั้นจะ ประดิษฐาน พระพุทธรูป มากมาย จนถึงชั้นบนสุดเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญ มา จากประเทศ อินเดีย และยังมีวิหารต่าง ๆ ให้เข้าไปสักการะพระพุทธรูปและชื่นชมความงดงามของจิตรกรรมฝาผนังภายใน

    ต้นจามจุรียักษ์

           ต้นจามจุรียักษ์ หรือ ต้นก้ามปูยักษ์  เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจและไม่ไกลจากตัวเมืองกาญจนบุรีมากนัก เมื่อมาถึงจะตื่นเต้น และตะลึงในความใหญ่โตของต้นไม้และกิ่งก้านสาขาสวยงามร่มรื่น ต้นจามจุรียักษ์มีอายุมากกว่า 100 ปี ขนาด 10  คนโอบรัศมีทรง พุ่มเฉลี่ย 25.87 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางร่มเงาประมาณ 51.75  เมตร ความสูงจากพิ้นดินถึงยอด 20เมตร มีพื้นที่ของพุ่มประมาณ 1 ไร่ 2 งาน 4 วา ซึ่งปัจจุบันหาชม ต้นไม้ขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ยาก

    ทางรถไฟสายมรณะ

           ทางรถไฟสายมรณะ หรือ ทางรถไฟสายพม่า หรือ ทางรถไฟสายกาญจนบุรี ทางรถไฟสายนี้เริ่มต้นจากสถานีชุมทางหนองปลาดุกอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ผ่านจังหวัดกาญจนบุรีข้ามแม่น้ำแควใหญ่ โดยสะพานข้ามแม่น้ำแคว ไปทางทิศตะวันตกจนถึงด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อให้ถึงปลายทางที่เมืองทันบูซายัด ประเทศพม่า จุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากคือช่วงสะพานข้ามแม่น้ำแคว และช่วงโค้งมรณะหรือถ้ำกระแซ ซึ่งเป็นสะพานโค้งเลียบแม่น้ำแควน้อยยาวประมาณ 400 เมตร

    สวนสัตว์เปิดกาญจนบุรี

           สวนสัตว์เปิด ซาฟารีปาร์ค  แอนด์แคมป์ กาญจนบุรี  เป็นสวนสัตว์เปิดแนวธรรมชาติ บรรยากาศร่มรื่น ที่นี่มีสัตว์นานาชนิด เช่น กวาง หมีควาย สิงโต เสือดาว ม้าลาย ยีราฟ นกกระจอเทศ เป็นต้น  การเข้าไปชมสวนสัตว์จะมีรถนำเที่ยวพาเข้าไป เป็นรถบัสคันเล็กน่ารัก สามารถนั่งรถและให้อาหารสัตว์ได้  มีไกด์คือ คนขับที่คอยอธิบายจุดต่างๆ เป็นความรู้สึกสนุกและตื่นเต้นมาก เรียกได้ว่าเป็นการเที่ยวสวนสัตว์ที่เราไม่เคยได้สัมผัสที่ไหนในประเทศไทย น่าจะเป็นที่นี่เพียงแห่งเดียวที่เราสามารถได้ให้อาหารสัตว์แบบใกล้ชิดอารมณ์คล้ายกับนั่งรถส่องสัตว์ในแอฟริกาที่เราจะเห็นสัตว์น้อยใหญ่อยู่ใกล้เพียงนิดเดียว

    ข้อมูลเพิ่มเติมรวมที่เที่ยวกาญจนบุรี

    บทความอื่นๆ :  วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล เปิดวาร์ป 5 จุดเช็คอิน กิน เที่ยว

  • วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล เปิดวาร์ป 5 จุดเช็คอิน กิน เที่ยว

    วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล เปิดวาร์ป 5 จุดเช็คอิน กิน เที่ยว

    วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล เปิดวาร์ป 5 จุดเช็คอิน กิน เที่ยว จังเกิ้ล พร้อมเสริมเฮง ไหว้พระคลังมหาสมบัติ ปังๆ รวยๆ !!!

    วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล : มาอัพเดทความสนุกกับจุดเช็คอินเด็ดๆ กิจกรรมโดนๆ สำหรับใครที่มีแพลนจะมาเที่ยวสวนน้ำวานา นาวา ต้องไม่พลาด อัพเดทผ่านโซเชี่ยล โชว์ความสนุกให้โลกรู้กันไปเลย

    วานา นาวา

    1. พระคลังมหาสมบัติ เริ่มกันที่จุดเช็คอินแรก อยู่บริเวณหน้าทางเข้าสวนน้ำ แลนด์มาร์คสำคัญที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ แต่ที่แน่ๆ ชาวบ้านในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียงรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นที่ร่ำลือในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ ต่างพากันมากราบไหว้ขอพรพระคลังมหาสมบัติ ในด้านโชคลาภความสำเร็จด้านการเงินเนื่องจากความศักดิ์สิทธิ์ ที่ขอแล้วได้ ขอแล้วปังกันมาเยอะแล้ว สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาสวนน้ำวานา นาวา มาถึงแล้วอย่าลืมมากราบขอพรพระคลังมหาสมบัติเพื่อเสริมสิริมงคลรับทรัพย์กันถ้วนหน้านะจ๊ะ
      วานา นาวา
    2. พี่วานะ กับน้องนาวะ สองพี่น้อง สัตว์โลกในจินตนาการ ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่าง วานะ แปลว่า “ป่า” กับ นาวะ แปลว่า “น้ำ” จนกลายมาเป็นมาสคอตแสนน่ารักตัวแทนของสวนน้ำวานา นาวา ซึ่งได้ศิลปิน-นักวาดภาพประกอบชื่อดังของไทย คุณโลเลทวีศักดิ์ ศรีทองดี เป็นผู้ออกแบบให้ มาถึงที่แล้วต้องถ่ายรูปเชคอินกันนิ๊ดส์นึงวานา นาวา
    3. กระตุ้นต่อมอะดรีนาลีนกับความมันส์ระดับพีค กับอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่ชวนคุณและเพื่อนๆ มาท้าประลองความกล้า กับอะบิส (Abyss) สไลด์เดอร์ไซส์ใหญ่ที่สุดในโลก เรือยางสำหรับ 6 คน ที่จะพาคุณและเพื่อนร่วมแก๊งค์ ดิ่ง! เหวี่ยง! สู่อุโมงค์ยักษ์ด้วยความเร็วกว่า 45 กม./ชม. กล้าพอมั้ย ถามใจเธอดู ถ่ายรูปเช็คอินโชว์ความกล้ากันก่อนเลย!!
    4. ไลฟ์การ์ดหล่อ บอกต่อด้วย!! มาเที่ยวสวนน้ำทั้งที นอกจากจะเช็คอินกับสถานที่แล้ว เรายังจะได้เห็นเหล่าบรรดาพี่ๆ ไลฟ์การ์ดมาดแมน ล่ำบึ้กกว่า 90 ชีวิต ที่คอยทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในโซนต่างๆ ภายในสวนน้ำวานา นาวา อย่างขยันขันแข็งตลอดทั้งวัน เรียกได้ว่าทุกคนผ่านการฝึกอบรมหลักสูตร ILTP (International Lifeguard Training Program) ที่ใช้อบรมไลฟ์การ์ดทั่วโลกมาแล้วเป็นอย่างดี แถมพี่ๆ เค้ามีชุดยูนิฟอร์มสีสดใส คูลๆ เข้ากับบรรยากาศสบายๆ ของสวนน้ำสุดๆ อีกด้วย ขอถ่ายรูปสักนิด แล้วติดแฮชแท็ก #ไลฟ์การ์ดหล่อ บอกต่อด้วย น่าร็อคอ่ะ
    5. เล่นน้ำกันมันส์เต็มที่แล้ว แวะพักเซลฟี่กันที่ Vana Cave Café คาเฟ่บาร์สุดชิค ที่จำลองบรรยากาศธรรมชาติภายในถ้ำ ตกแต่งในสไตล์จังเกิ้ล ป่าชื้นเขตร้อน เรียบง่ายแต่เก๋ด้วยมุมนั่งเล่นสบายๆ ที่ให้คุณกับเพื่อนๆ ได้นั่งพักผ่อน ฟังเสียงน้ำตกจากวานา นาวา ฟอลส์ เลือกจิบซิกเนเจอร์ดริ๊งสุดคูล สีสันสดใส ริมสระ Lazy River บอกได้คำเดียวว่า Exclusive สุดๆ
      สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ:

      แผนกประชาสัมพันธ์ บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด

      โทร. 094-664-4146 / 086-636-2493

      www.vananavahuahin.com

       สลิลลา   เศวตเศรนี (ปลา)

      นันท์นภัส สุขปรีดี (ซายน์)

       

      บทความท่องเที่ยวแนะนำ เมืองดาหนัง เวียดนาม

  • ๕ โครงการหลวง ในภาคเหนือ ของพ่อหลวงในรัชกาลที่  ๙

    ๕ โครงการหลวง ในภาคเหนือ ของพ่อหลวงในรัชกาลที่ ๙

    ๕ โครงการหลวงในภาคเหนือ ของพ่อหลวงในรัชกาลที่ ๙

    โครงการหลวง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้วยความที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยในทุกข์สุขของพสกนิกรชาวไทย ทำให้พวกเราชาวไทยได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปเยี่ยมเยียนราษฎรในพื้นที่ต่างๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะในพื้นที่ยากจน ห่างไกล และทุรกันดาร ซึ่งพระองค์จะทรงใช้เวลาประทับอยู่ตามเขตภูมิภาคมากกว่าในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ เพราะพระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะหาข้อมูลที่แท้จริงจากผู้ที่อยู่ในพื้นที่ เกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ในแต่ละภูมิภาค นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงสังเกตการณ์ และสำรวจสภาพทางภูมิศาสตร์ไปพร้อมๆ กัน เพื่อจะได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้สำหรับการพระราชทานแนวทางเพื่อการดำเนินงานโครงการตามพระราชดำริต่อไป โครงการหลวง คือ พื้นที่ดำเนินการของโครงการหลวงส่วนใหญ่ จะอยู่ในเขตภาคเหนือ เนื่องจากเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวไทยภูเขา ซึ่งพระองค์ทรงพระกรุณาที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ของชาวไทยภูเขาให้อยู่ดี กินดี เลิกการปลูกฝิ่น และ การทำไร่เลื่อนลอย อีกทั้งยังทรงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและบำรุงรักษาต้นน้ำลำธารบริเวณป่าเขา เพื่อบรรเทาอุทกภัยในเขตที่ลุ่มด้านล่าง ซึ่งการพัฒนาต่างๆ กว่าจะเกิดผล ล้วนแต่กินเวลานานนับสิบปี ซึ่งชาวไทยภูเขาเหล่านี้ ได้มีความจงรักภักดีในพระองค์ท่าน พร้อมทั้งเรียกขานพระองค์ท่านว่า “พ่อหลวง” และเรียกสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า “แม่หลวง” รวมถึงเรียกโครงการของทั้งสองพระองค์ว่า  “โครงการหลวง “

     

     

    ๑ .โครงการหลวงอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่

    สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเพื่อส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรม ทดแทนการปลูกฝิ่น สถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวงอยู่บนเทือกเขาแดนลาว ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,400 เมตร และมียอดดอยสูงถึง 1,928 เมตร พื้นที่รับผิดชอบประมาณ 26.52 ตารางกิโลเมตร หรือ 16,577 ไร่ อากาศดี จัดตั้งขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ. 2512 ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ว่า “ให้เขาช่วยตัวเอง” เปลี่ยนพื้นที่จากไร่ฝิ่นมาเป็นแปลงเกษตรเมืองหนาวที่สร้างรายได้ดีกว่าเก่าก่อนและไม่ผิดกฎหมายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร ที่หมู่บ้านผักไผ่ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และได้เสด็จผ่านบริเวณดอยอ่างขาง ทอดพระเนตรเห็นว่าชาวเขาเผ่ามูเซอ ซึ่งในสมัยนั้นยังไว้แกละถักเปียยาว แต่งกายสีดำ สะพายดาบ ทำการปลูกฝิ่นแต่ยังยากจน ทั้งยังทำลายทรัพยากรป่าไม้ ต้นน้ำลำธารที่เป็นแหล่ง สำคัญต่อระบบนิเวศ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่วนอื่น ๆ ของประเทศได้

    จึงมีพระราชดำริว่าพื้นที่นี้มีภูมิอากาศที่หนาวเย็น มีการปลูกฝิ่นมาก ไม่มีป่าไม้อยู่เลยและสภาพพื้นที่ไม่ลาดชันนัก ประกอบกับ พระองค์ทรงทราบว่าชาวเขาได้เงินจากฝิ่นเท่ากับที่ได้จากการปลูกท้อพื้นเมือง และทรงทราบว่าที่สถานีทดลองไม้ผลเมืองหนาว ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ทดลองวิธีติดตา ต่อกิ่งกับท้อฝรั่ง จึงทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 1,500 บาท เพื่อซื้อที่ดินและไร่ในบริเวณดอยอ่างขางส่วนหนึ่ง ตั้งโครงการหลวงขึ้นเป็นโครงการส่วนพระองค์ เมื่อ พ.ศ. 2512 โดยทรงแต่งตั้งให้ หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี เป็นผู้สนองพระบรมราชโองการในตำแหน่งประธานมูลนิธิโครงการหลวงจนถึงพ.ศ. 2560 ใช้เป็นสถานีวิจัย และทดลองปลูกพืชเมืองหนาวชนิด ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไม้ผล ผัก ไม้ดอกเมืองหนาว เพื่อเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรชาวเขา ในการนำพืช เหล่านี้มาเพาะปลูกเป็นอาชีพ ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานนามว่า

    “สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง”

    การดำเนินงานของสถานี

    1. งานศึกษาวิจัย ไม้ผลเขตหนาว และขยายพันธุ์พืชชนิดต่างๆ
    2. งานเผยแพร่และฝึกอบรม เป็นแหล่งวิชาการปลูกพืชบนที่สูงที่สำคัญ เป็นสถานที่ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่และเกษตรกรของมูลนิธิฯ
    3. งานพัฒนาและส่งเสริมอาชีพแก่เกษตรกร เป็นการดำเนินงานส่งเสริม และพัฒนาอาชีพแก่เกษตรกร บริเวณรอบสถานี โดยมีส่วนราชการต่างๆ ร่วมดำเนินงานในรูปคณะทำงานศูนย์พัฒนา โครงการหลวง กิจกรรมที่สำคัญได้แก่ การพัฒนาแหล่งน้ำ การวางแผน การใช้ที่ดิน การส่งเสริมการปลูกไม้ผล ผัก ชา การฟื้นฟูระบบนิเวศ การฟื้นฟูสภาพธรรมชาติ และการปลูกป่าชาวบ้าน

     

    เเละซึ่งในช่วงเดือนมกราคมของทุกปี จะมีดอกพญาเสือโคร่งสีชมพูบานสะพรั่งไปทั่วทั้งบริเวณ จนที่อ่างขางได้รับสมญานามว่าเป็น แดนซากุระเมืองไทย” นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถชมความงามของป่าไม้นานาพรรณตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ พร้อมชิมและช็อปพืชผักผลไม้เมืองหนาวจากแปลงเกษตรของชาวเขาได้อีกด้วย

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวอ่างขาง โทร 053-969-489

     

     

     

    ๒ . โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่

    เครดิตรูป : Chanawin Photography

    ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์ ตั้งอยู่ในอำเภอกัลยาณิวัฒนา จ. เชียงใหม่ ก่อกำเนิดขึ้นหลังจากที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดลุยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรชาวเขาในเขตหมู่บ้านวัดจันทร์ พระองค์ทรงทราบถึง ความยากลำบากของชาวเขาใน พื้นที่ จึงมีพระราชดำริให้มีการพัฒนาบ้านวัดจันทร์และหมู่บ้านใกล้เคียงเพื่อก่อตั้ง ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์” ขึ้น เพื่อช่วยให้สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้ราษฎร เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นที่นี่เป็น แหล่งท่องไฮไลต์มีทิวทัศน์ ธรรมชาติสวยงาม ของป่าสนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยพื้นที่โครงการหลวงวัดจันทร์ ที่คุ้นเคยของนัก ท่องเที่ยวคือ ที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อปป) และอีกหนึ่งจุดคือ ที่ตั้งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวง วัดจันทร์ จะตั้งอยู่คนละพื้นที่ แต่ทั้งสองแห่งอยู่ในพื้นที่ดูแลของโครงการหลวงเช่นกัน

    เครดิตรูป : Chanawin Photography

    เครดิตรูป : Chanawin Photography

    ในช่วงฤดูหนาวดินแดนกลางหุบเขาแห่งนี้ จะถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอกและสายลมอันหนาวเย็น ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้คงไม่พ้น หลงเสน่ห์กับความงาม ที่มองเห็นอยู่ตรงหน้า ที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อปป) กับภาพสายหมอกลอยพริ้วปกคลุม ทิวสน และอ่างเก็บน้ำ รวมทั้งสีสันสดสวยของใบเมเปิ้ลที่พร้อมใจกันผลัด เปลี่ยนสีในช่วงฤดูหน้าวตั้งแต่เดือนธ.ค. ก.พ. บวกกับ ธรรมชาติอันอุดมงดงามและไมตรีจิตของ ชาวพื้นถิ่น ทั้งหมดนี้จะยังคงตราตรึง อยู่ในความประทับใจ ของผู้ที่ได้ไปเยือนตราบนาน เท่านาน นอกจากฤดูหนาวแล้วหากมาเที่ยวในฤดูฝนจะได้พบ กับอีกหนึ่งบรรยากาศ ที่เขียวขจีและสดชื่นในแบบฉบับของการท่องเที่ยว ช่วงกรีนซีซั่นซึ่งสวยงามไม่แพ้กัน เเถมที่พักก็สะดวกสบาย

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์ โทร 084-365-5405

     

     

     ๓ . โครงการหลวงแม่ลาน้อย อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน

    โครงการหลวงแม่ลาน้อย ตั้งอยู่ในตำบลห้วยห้อมอำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่ยังคงมีความเป็นธรรมชาติ และบริสุทธิ์ อบอุ่นไปด้วยวิถีชีวิตที่งดงามของชาวเขา ในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. ซึ่งป็นฤดูทำนาข้าว นักท่องเที่ยวจะได้ชมความสวยงามของนาข้าวขั้นบันได ภายในพื้นที่ของโครงการตลอดสองข้างทาง รวมทั้งชมแปลงผักปลอดสารพิษ ที่ปลูกตลอด ทั้งปี เป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ทั้งสองพระองค์เสด็จเยี่ยมราษฎรชาวบ้านป่าแป๋และบ้านห้วยห้อม เป็นครั้งแรก ได้พระราชทาน ทุนทรัพย์จำนวน 20,000 บาท จัดตั้งธนาคารข้าวแห่งแรกของโลกต่อมาในปี พ.ศ. 2546 ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมราษฎรทั้งสอง หมู่บ้านเป็นครั้งที่ 2 และทรง รับสั่งให้ประธานมูลนิธิโครงการหลวง เข้าช่วยเหลือพัฒนาอาชีพแก่ชาวเขา โดยเฉพาะด้านเกษตรกรรม สังคมและ สาธารณสุขเนื่องจากบริเวณ ดังกล่าวเป็นพื้นที่ต้นน้ำแม่ลาน้อยและแม่น้ำแม่สะเรียง มีการปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอยอย่างกว้างขวางจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2523 ศูนย์พัฒนา โครงการหลวงแม่ลาน้อยได้ก่อตั้งขึ้น โดยใช้พื้นที่บ้านดงเป็นที่ทำการ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเคยทอดพระเนตร เห็นพื้นที่แล้ว ประกอบกับเป็นที่ตั้งของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนซึ่งเป็นศูนย์กลางพัฒนาการศึกษา แก่เยาวชนในท้องถิ่น ครอบคลุม 14 หมู่บ้าน ประกอบด้วยชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง และเผ่าลั๊วะ

     

    เครดิต : คนเดินทาง  คนเดินทางดอทคอม

     

    เครดิต : คนเดินทาง  คนเดินทางดอทคอม

     

    นอกจากนี้ไม่ไกลจากโครงการหลวงแม่ลาน้อย ยังสามารถท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่บ้านห้วยห้อมชมแปลงกาแฟอาราบิก้า พร้อมชิมกาแฟสดรสดี ผลิตภัณฑ์คุณภาพจากบ้านห้วยห้อม สวนกาแฟที่ได้รับการรับรอง GAP จากกรมวิชาการเกษตร ส่งจำหน่ายให้กับโครงการหลวง และสตาร์บัคส์ ชมการทอผ้าขนแกะของกลุ่มแม่บ้านห้วยห้อม มีทั้งผ้าทอขนแกะล้วน และผ้าทอขนแกะผสมฝ้ายที่ย้อมสีจากธรรมชาติ โดยภายในพื้นที่โครงการหลวงประกอบด้วยหมู่บ้านชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงและเผ่าลั๊วะ (ละว้า) กว่า 14 หมู่บ้าน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมวิถีชีวิตชาวเขาทั้งเชิงเกษตรและวัฒนธรรม พร้อมชิมกาแฟสดอาราบิก้าที่สามารถซื้อกลับไปเป็นของฝากที่ระลึกได้อีกด้วย เเถมที่พักก็สะดวกสบาย

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ลาน้อย โทร 053-619-533-4 หรือ 083-324-3062

     

     

     

    ๔ .โครงการหลวงสะโง๊ะ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

    ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงสะโง๊ะ ตั้งอยู่บ้านดอยสะโง๊ะ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย การดำเนินงานของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่สะโง๊ะเริ่มต้น ในรูปของงานอาสาพัฒนาชาวเขาตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมูลนิธิโครงการหลวงและมหาวิทยาลัยแม่โจ้ แต่เนื่องจากการคมนาคมที่ไม่สะดวก เจ้าหน้าที่ต้องเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์เพียงเดือนละ 1 ครั้งเท่านั้น เมื่อไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำงานส่งเสริมของศูนย์จึง ไม่เต็มประสิทธิภาพนัก จนกระทั่งปี พ.ศ. 2521 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จเยี่ยมราษฎรในพื้นที่และทรง มีพระราชดำรัส ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลช่วยเหลือชาวบ้านดอยสะโง๊ะให้มากขึ้น ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยสะโง๊ะจึงก่อกำเนิดขึ้นโดยรับผิดชอบ 4 หมู่บ้าน 643 หลังคาเรือน ประชากร 2,672 คน ในพื้นที่ 38 ตารางกิโลเมตร หรือ 23,750 ไร่ มีทั้งเผ่าอีก้อ ไทลื้อ คนเมืองและไทลื้ออยู่ในดินแดนสามเหลี่ยมทองคำ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเยี่ยมกิจกรรมของศูนย์ฯชมแปลงสาธิตพืชผัก ไม้ดอก ไม้ผล และสมุนไพรและแปลงของเกษตรกรในพื้นที่ โดยเฉพาะแปลง ดอกเก๊กฮวยไม้ดอกขึ้นชื่อให้ผลผลิตในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. และดอกคาโมมายด์ ให้ผลผลิตในช่วงเดือนม.ค. ชมขั้นตอนวิธีการผลิตชาเก๊กฮวย รวมถึงทดลองจิบชาเก๊กฮวย และคาโมมายด์ เลือกซื้อเลือกหาผลิตภัณฑ์กลับบ้านในราคาย่อมเยา

    เครดิต : www.thetrippacker.com

     

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงสะโง๊ะ โทร 053-163-346, 081-951-9711

     

     

    ๕ . โครงการหลวงปังค่า อ.ปง จ.พะเยา

    เครดิต : www.thetrippacker.com

    ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า  ตั้งอยู่ที่ บ้านสิบสองพัฒนา ต.ผาช้างน้อย อ.ปง จ.พะเยา มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 500-1300 เมตร อุณหภูมิเฉลี่ย 25.8 องศาเซลเซียส ลักษณะพื้นที่เป็นเนินเขาสลับกับภูเขามีที่ราบระหว่างภูเขาเล็กน้อย ครอบคลุมพื้นที่รับผิดชอบ 35026 ไร่ มีหมู่บ้านในเขตรับผิดชอบจำนวน 3 หมู่บ้าน คือ บ้านสิบสองพัฒนา บ้างปางค่าใต้ และบ้านปางค่าเหนือ ได้จัดตั้งขึ้นไนปีพ.ศ. 2530 เพื่อส่งเสริมให้ราษฎรปลูกไม้ผลเมืองหนาวทดแทนการบุกรุกป่าและปลูกฝิ่น โครงการหลวงแห่งนี้มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 640 เมตร บริเวณพื้นที่โดยรอบมีชาวเขา เผ่าม้ง และ เผ่าเย้า อาศัยอยู่ จุดท่องเที่ยวหลักๆของโครงการหลวงปังค่าคือการท่องเที่ยวเชิงเกษตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมแปลงผลไม้ ไม้ดอกไม้ประดับ และพืชผักต่างๆในพื้นที่ของโครงการหลวง

     

    เครดิต : www.thetrippacker.com

    เครดิต : www.thetrippacker.com

    โดยเฉพาะฟักทองยักษ์ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของโครงการหลวงปังค่า เมื่อปี พ.ศ.2551เคยมีผลผลิตหนักสุดถึง 72 กิโลกรัมเลยทีเดียว ผลผลิตทางการเกษตรทั้งหมดที่นักท่องเที่ยวสามารถชมได้จากที่โครงการหลวง ยกตัวอย่างเช่น ฟักทองยักษ์ ฟักทองสีขาว อะโวกาโด องุ่นไร่เมล็ด มะม่วง ส้มโนรีตะ ส้มคัมควอท ลิ้นจี่ (เมษายน-พฤษภาคม) แว็กซ์ฟลาวเวอร์ มะเขือการ์ตูน (ฤดูหนาว) ดอกไม้เมืองหนาว (ฤดูหนาว) กุหลาบ บัวชั้น กระเจียว พีค๊อก กะหล่ำม่วง ซุกินี่ มะเขือม่วงก้านดำ หอมญี่ปุ่น คะน้าฮ่องกง ผักกวางตุ้งฮ่องเต้ ในช่วงหน้าหนาวในช่วงเวลาที่มีผลลิตเก็บเกี่ยวมากจะมีตลาดชุมชนให้นักท่องเที่ยวมาเลือกซื้อหาผลผลิตที่เก็บมาแบบสดๆ และยังมีผลิตภัณฑ์งานหัตถกรรมชาวบ้านจำหน่าย อาทิเช่น ผ้าเขียนลายเทียน ผ้าปัก กระเป๋าใส่เงิน กระเป๋าใส่มือถือ สมุดจดบันทึกหน้าปกลายผ้าปัก เสื้อแบบเย้า เครื่องเงิน ฯ หากไปถูกจังหวะยังมีโอกาสได้เห็นวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชนเผ่าอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติเช่นชมดอยภูลังกาเดินป่าในเส้นทางน้ำตกขุนน้ำต้มและดูนก

    เครดิต : www.thetrippacker.com

     

    เครดิต : www.thetrippacker.com

     

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า โทร 054-401023, 088-410-9089

     

    ” นี้คือของขวัญจากผืนแผ่นดิน เเละ เเนวทางที่พ่อสร้างไว้ “

     

    บทความอื่น ๆโครงการ “ชั้งหัวมัน” บ้านไร่ของพ่อหลวง ร.9

     

  • บานาฮิลล์ เมืองดานัง เวียดนาม (Ba Na Hill)

    บานาฮิลล์ เมืองดานัง เวียดนาม (Ba Na Hill)

    บานาฮิลล์ เมืองดานัง เวียดนาม (Ba Na Hill)

    บานาฮิลล์  ที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม  เมื่อไปถึงบานาฮิลล์  ซึ่งที่นักท่องเที่ยวทุกต้องทำก็คือการนั่งกระเช้าขึ้นสู่ บานาฮิลล์ (Ba Na Hill) กระเช้าแห่งบานาฮิลล์นี้ ได้รับการบันทึกสถิติโลก โดย World Record ว่าเป็นกระเช้าไฟฟ้าที่ยาวที่สุด ประเภท Non Stop โดยไม่หยุดแวะมีความยาวทั้งสิ้น 5,042 เมตร และเป็นกระเช้าที่สูงที่สุดที่ 1,294 เมตร นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสปุยเมฆหมอก และบางจุดมีเมฆลอยต่ำกว่ากระเช้า พร้อมอากาศบริสุทธิ์อันสดชื่น  จนทำให้ท่านอาจลืมไปเสียด้วยซ้ำว่า ที่นี่ไม่ใช่ยุโรป เพราะอากาศที่หนาวเย็น เฉลี่ยตลอดทั้งปี ประมาณ 10 องศาเท่านั้น จุดที่สูงที่สุดของบานาฮิลล์มีความสูง 1,467 เมตร กับสภาพผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์

    Ba Na Hill

    บานาฮิลล์ อยู่ห่างจากเมืองดานัง 25 กิโลเมตร บานาฮิลล์เป็นที่ตากอากาศที่ดีที่สุดในเวียดนามกลาง ได้ค้นพบในสมัยที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครองเวียดนาม ได้มีการสร้างถนนอ้อมขึ้นไปบนภูเขา สร้างที่พักโรงแรม สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนในระหว่างการรบ ระหว่างที่นั่งกระเช้าด้วยความเสียวพร้อมความสวยงาม  เราจะได้เห็นวิวธรรมชาติ ทั้งน้ำตก Toc Tien และลำธาร Suoi no (ในฝัน) แล้วอย่าลืมหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพนะคะ

    เมื่อนั่งกระเช้าไฟฟ้า ไปจนถึงจุดที่สร้างความตื่นเต้นให้นักท่องเที่ยวมองดูอย่างอลังการ ที่ซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งตำนานและจินตนาการของการผจญภัยที่ The Fantasy Park ที่เป็นส่วนหนึ่งของบาน่า ฮิลล์

    BA NA HILL

    ท่านจะได้พบกับเครื่องเล่นในหลายรูปแบบ เช่น ท้าทายความมันส์ของหนัง 4D, ระทึกขวัญกับบ้านผีสิง และอื่นๆ ถ้าไดโนเสาร์ เกมส์สนุกๆ เครื่องเล่นเบาๆ รถไฟเหาะ แมงมุนเวียนหัว ตลอดไปจนถึงระทึกขวัญสั่นประสาท อีกมากมาย หรือช้อปปิ้งซื้อของที่ระลึกภายในสวนสนุกอย่างจุใจและอีกมากมายที่รอท่านพิสูจน์ความมันส์กันอย่างเต็มที่ ให้ท่านได้สนุกสนานต่อกับเครื่องเล่นนานาชนิดอย่างจุใจ

    ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.culturedcreatures.co/vietnam-ba-na-hill-cable-car/

    หนองบัวลำภูที่ You ไม่ควรพลาด

    https://www.dalattrip.com/vietnam/ba-na-hills-famous-place-to-visit-in-da-nang-city/

  • 7 สถานที่ท่องเที่ยว สำคัญ จ.หนองบัวลำภู ที่ไม่ควรพลาด

    7 สถานที่ท่องเที่ยว สำคัญ จ.หนองบัวลำภู ที่ไม่ควรพลาด

    7 สถานที่ท่องเที่ยว สำคัญ จ.หนองบัวลำภู ที่ไม่ควรพลาด

    สถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นจังหวัดเล็กๆ ที่แยกออกมาจาก จังหวัดอุดรธานี ถึงจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่แฝงไปด้วยความสงบ น่าอยู่ ใครที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย เพื่อที่จะพักผ่อน ที่นี้อาจจะเป็นที่ที่นึง ที่น่าสนใจเลยทีเดียว และ มีแหล่งท่องเที่ยวต่างๆในจังหวัดหนองบัวลำภู มาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันคะ

    #1. วัดถ้ำเอราวัณ

     

    ถ้ำเอราวัณ ตั้งอยู่บ้านผาอินแปลง ตำบลวังทอง บริเวณภูเขาหินแข็งที่ชาวบ้าน เรียกว่า ภูเขาผาถ้ำช้าง  ตั้งอยู่ที่ อำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู ห่างจากตัวเมืองหนองบัวลำภู ประมาณ 47กิโลเมตร

     

    ถ้ำเอราวัณ เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่อยู่บนภูเขาสูง ลึกประมาณ 365 ม. มีบันได 621 ขั้นจากเชิงเขาเดินขึ้นไปถึงปากถ้ำ บริเวณปากถ้ำกว้างใหญ่มาก เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อย และมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ ภายในถ้ำแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ มากมาย ซึ่งสามารถเดินเชื่อมต่อกันได้มีไฟตลอดทางเดิน

     

    เข้าไปชมต่อได้ที่ http://pantip.com/topic/31608307

     

    #2. PC cowboy town

    สถานที่ท่องเที่ยว

    แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดหนองบัวลำภู ใกล้กับตัวเมืองอุดรธานี ที่ๆทุกคนมาเพื่อสัมผัสกลิ่นไอยุค Cowboy เรียนขี่ม้า และสัมผัสอย่างใกล้ฝูงสัตว์มากมาย พร้อมมุมถ่ายรูปสวยๆ กิจกรรมสนุกๆอีกหลากหลาย

     

    สถานที่ท่องเที่ยว

    พีซี แรนช์ คาวบอยทาวน์ เดินทางจากตัวเมืองหนองบัวลำภูผ่านแยกวัดถ้ำกองเพลมาอีกไม่ไกล ทางแยกเข้าฟาร์มใหญ่โตเห็นได้ชัด เลี้ยวซ้ายเข้าไปตามถนน ก็ไม่นาน หรือถ้ามาทางอุดร ห่างจากอุดรธานี 30 กิโลเมตร ทางแยกอยู่ขวาสังเกตุโรงเรียนบ้านโนนทัน การเดินทางที่แสนสะดวกแบบนี้ทำให้ฟาร์มแห่งนี้น่าจะเป็นจุดหมายใหม่ของการท่องเที่ยว เติมเต็มให้กับจังหวัดหนองบัวลำภู เดินทางมาด้วยเครื่องบินขับรถ 15 นาทีถึง จากนี้ไปถ้าจะนึกว่าหนองบัวลำภูมีอะไรเที่ยวก็คงต้องนึกถึงที่นี่ในอันดับต้นๆ

    ฟาร์มที่นี่ใหญ่กว่าที่จินตนาการเอาไว้เยอะ ไม่เคยคิดว่าที่จังหวัดห่างไกลแบบนี้จะมีสถานที่แบบนี้อยู่ เพียงแค่เห็นซุ้มประตูก็รู้สึกได้ว่าเป็นฟาร์มที่ตั้งใจเปิดขึ้นมาให้เที่ยวโดยเฉพาะ และต้องมีอะไรรอเราอยู่เยอะแน่ๆ

    เข้าไปชมต่อได้ที่ https://www.touronthai.com/article/3050

     

    #3. วนอุทยานน้ำตกเฒ่าโต้

    เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีทั้งความงดงามและอุดมไปด้วยบรรยากาศที่คงไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีววิทยาที่บรรดานักเดินทางเหล่าถวิลหา วนอุทยานน้ำตกเฒ่าโต้แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายที่เหล่าบรรดาขานักเดินทางทั้งหลายต้องไม่พลาดสำหรับครั้งหนึ่งในชีวิตการเดินทาง ด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่นไปด้วยหมู่แมกไม้นานาพันธุ์กอปรกับโขดหินที่มีรูปร่างลักษณะที่หลากหลายแปลกตาซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางสำหรับการวางแผนในช่วงวันหยุดยาวเพื่อพักผ่อนหรือทำกิจกรรมร่วมกันร่วมกันในครอบครัวหรือระหว่างเพื่อนฝูง

    ด้วยบรรยากาศที่สบาย อากาศบริสุทธิ์สงบร่มรื่น เมื่อพูดถึงความงามของน้ำตกเฒ่าโต้แห่งนี้แล้วนับว่าสวยงามและแฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์ในสายน้ำที่ไหลลงโดยเฉพาะในฤดูฝนที่จะมีปริมาณและความแรงของสายน้ำไหลเป็นพิเศษอันเป็นภาพแห่งความงามที่สร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนทั้งหลายที่จะต้องบันทึกภาพแห่งความทรงจำของสถานที่แห่งนี้นั้นเก็บกลับไปเป็นที่ระลึกในการเดินทางในครั้งนี้ด้วย  นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงมีศาลเจ้า “ปู่หลุบ” ซึ่งเป็นที่เคารพและศรัทธาของชาวหนองบัวลำภูและผู้ที่เดินทางผ่านไปมาเพื่อสวัสดิภาพและโชคลาภตลอดการเดินทางรวมทั้งเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตอีกด้วย

     

    เข้าไปชมต่อได้ที่ http://www.painaidii.com/business/135757/thao-to-waterfall-39000/lang/thTh/

     

    #4. พิพิธภัณฑ์หอยหินโบราณ

    ซากหอยหินค้นพบครั้งแรกในปี พ.ศ. 2537 โดยชาวบ้านที่เข้าหาเก็บของป่าในบริเวณเหมืองร้าง ได้ค้นพบหินที่มีลักษณะคล้ายหอยสวยงามแปลกตาเป็นจำนวนมาก มีการค้นพบฟอสซิลหอยกาบคู่อายุประมาณ 150 ล้านปี และฟอสซิลไดโนเสาร์บรรพบุรุษที-เล็กซ์ จังหวัดหนองบัวลำภู ได้พัฒนาแหล่งค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์และหอยหิน ให้เป็นแหล่ง “UNSEEN หนองบัวลำภู” ในลักษณะ ของ site Museum

     

    ตั้งอยู่ในบริเวณเนินเขา ที่ขุดค้นพบซากหอยดึกดำบรรพ์ยุคจูราสสิค มีอายุราว 140–150 ล้านปีมีการจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังมีไดโนเสาร์จำรอง ขนาดใหญ่ ที่เคลื่อนไหวได้เหมือนจริงสมจริงมาก

     

    เข้าไปชมต่อได้ที่ http://www.museumthailand.com/Shell_Fossil_Museum

     

    #5. หนองบัว และ ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    ตั้งอยู่ที่ สนามนเรศวร หน้าที่ว่าการอำเภอเมืองหนองบัวลำภู และอยู่ริมหนองน้ำ ?หนองบัว? ที่อยู่ใจกลางเมือง ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา พ.ศ.๒๑๑๒ ไทยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๑ ให้แก่พม่าตรงกับสมัยพระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์กรุงหงสาวดี ได้มีหมายเกณฑ์ให้สมเด็จพระมหาธรรมราชา ไปช่วยตีเมืองเวียงจันทน์ ในครั้งนี้สมเด็จพระนเรศวรได้ร่วมเสด็จไปในกองทัพพระราชบิดาเป็นครั้งแรก สมทบกับกองทัพพม่าไปตีเมืองเวียงจันทน์ เนื่องจากพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชยกทัพไปตีเมืองญวนแล้วหายสาบสูญ พระเจ้าบุเรงนองเห็นโอกาสจึงยกทัพตีโดยให้กองทัพกรุงศรีอยุธยามาสมทบ สมเด็จพระมหาธรรมราชาและพระนเรศวรได้ ยกทัพไปถึงหนองบัวลำภู เมืองหน้าด่านทางใต้ของเวียงจันทน์ ขณะนั้นมีพระชนมายุได้ ๑๙ พรรษา ครองเมืองพิษณุโลกอยู่ พระราชบิดานำกองทัพพักแรมที่หนองบัวลำภู

     

    เข้าไปชมต่อได้ที่ http://info.dla.go.th/public/travel.do?cmd=goDetail&id=614563&random=1507350125420

     

    6. อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ

    เป็นอุทยานแห่งชาติขนาดใหญ่ ครอบคุมพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู จ.ขอนแก่น  กินพื้นที่รายล้อมทะเลสาบเหนือเขื่อนอุบลรัตน์

     

    เข้าไปชมต่อได้ที่ https://www.ท่องทั่วไทย.com/อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ-ขอนแก่น/

     

    7. วัดถ้ำกลองเพล

    เป็นสถานที่ ที่ พระอาจารย์หลวงปู่ขาว อนาลโย พระวิปัสสนากรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น  ได้อาศัยวัดแห่งนี้เป็นสถานที่วิปัสสนากรรมฐานศาลาวัด ใช้พื้นที่ที่เกิดจากหมู่ก้อนหินขนาดใหญ่ 3-4 ก้อน ที่มีหลืบและชะโงกหิน ก่อเป็นหลังคาคอนกรีตเชื่อมถึงกัน ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นกลายเป็นห้องโถงขนาดใหญ่

     

    สถานที่ท่องเที่ยว

    เข้าไปชมต่อได้ที่  https://www.touronthai.com/article/3052

    บทความอื่นๆคลิี๊ก

    เรียบเรียงโดย Dream

     

  • แนวคิด บ้านใต้สะพาน ที่ไม่ธรรมดา

    แนวคิด บ้านใต้สะพาน ที่ไม่ธรรมดา

    แนวคิด บ้านใต้สะพาน ที่ไม่ธรรมดา

    บ้านใต้สะพาน คุณนึกถึงอะไร บุคคลไร้บ้าน ? บ้านรก ? ความสกปรก ? ความไม่น่าอยู่ ความสะดวกสบาย ความอื่นๆ อีกมากมาย ที่คุณคาดไม่ถึงแน่ว่าจะมีบ้านใต้สะพานแบบนี้ เพราะบ้านที่เรากำลังจะพูดถึงนี้เป็นบ้านใต้สะพานที่ต่างออกไปจากสิ่งที่คุณคิดแน่นอนบ้านใต้สะพาน

    ภาพที่ทุกคนกำลังเห็นอยู่นี้คือ ผลงานการประกวดแข่งขันด้านการออกแบบเพื่อทดแทนการใช้สะพานที่ยังสร้างไม่เสร็จหรือไม่ถูกใช้งานทิ้งร้างมานาน โดยสะพานดังกล่าวคือเส้น ทางหลวงจาก Salerno ไปยัง Reggio Calabria ทางตอนใต้ของอิตาลี

    ซึ่งเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 1960 และได้ถูกยกเลิกการก่อสร้างไปทำให้สะพานเส้นนี้ยังคงก่อสร้างไม่เสร็จ และถูกทิ้งร้างไปอย่างเปล่าประโยชน์

     

    French films OF Architecture, PR Architect and Samuel Nageotte คือบริษัทผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากการออกแบบ Solar Park South ในแนวคิด Solar Highway  ซึ่งเป็นแนวคิดที่นำเอา เสาเข็ม ของสะพาน มาสร้างเป็นชุมชนที่อยู่อาศัย จากชั้นบนจนถึงชั้นล่าง คล้ายกับคอนโด 

    โครงการนี้ออกแบบโดยใช้วัสดุก่อสร้างที่ประหยัดแต่ได้ประโยชน์สูงสุด เพื่อสร้างสถานที่พักผ่อน และเพื่อใช้ประโยชน์จากการก่อสร้างสะพานต่างๆที่ถูกทิ้งล้าง หรือยังสร้างไม่เสร็จ โดยส่วนบนของแบบบ้านจะถูกสร้างให้เป็นทางเดิน ซึ่งมีการเชื่อมต่อไปยังที่ต่างๆ ภายในอาคารที่สร้าง จะมีสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งที่อยู่อาศัย ร้านค้า ส่วนย่อม สนามเด็กเล่น รวมไปถึงสนามกอล์ฟ อีกทั้งยังมีการวางโครงสร้างเกี่ยวกับการใช้พลังงานใต้พิภพอีกด้วย

    แม้โครงการนี่เป็นเพียงแนวคิดในการออกแบบ แต่เชื่อว่าในอนาคตจะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้จริงๆ

    MontSaintMichel

     

  • เมืองตรังเมืองแห่งความสุข (Trang of Happiness)

    เมืองตรังเมืองแห่งความสุข (Trang of Happiness)

    เมืองตรังเมืองแห่งความสุข (Trang of Happiness)

    เมืองตรัง หลายคนอาจจะนึกถึงของอร่อยที่ขึ้นชื่ออย่าง หมูย่าง และเค้กเมืองตรัง แต่ถ้าใครได้มีโอกาสมาเที่ยวตรัง แน่นอนว่า จะมองตรังเปลี่ยนไปเลยทีเดียว เพราะที่เมืองตรังนอกจากจะเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ได้ฟินทั้งป่า-ภูเขา และทะเลแล้ว ร้านอร่อยที่จะชักชวนให้ทุกคนได้มาชิมก็มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนเช่นกัน

    เหตุนี้นี่เองที่ยกให้เมืองตรัง เป็นเมืองแห่งความสุข หรือ Trang of Happiness

    ความสุขของคนตรังคืออะไร

    “สุขจากการกิน”

    หมูย่างเมืองตรัง
    ขนมเค้ก
    ขนมจีน
    เมืองตรัง
    ติ่มซำ

    “สุขจากการเที่ยว”

    “สถานีรถไฟกันตัง”

          สถานีรถไฟกันตัง ตั้งอยู่บนถนนหน้าค่าย ตำบลกันตังอำเภอกันตังจังหวัดตรังเป็นสถานีรถไฟสุดทาง ของทางรถไฟสายใต้ ฝั่งทะเล อันดามัน สถานีรถไฟกันตัง เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2456 ในอดีตใช้เป็นที่รับส่งสินค้ากับต่างประเทศ ทั้งสิงคโปร์มาเลเซียอินโดนีเซียมีรางรถไฟต่อไปเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร

                ตัว สถานีรถไฟกันตัง เป็นอาคารไม้ชั้นเดียวทรงปั้นหยา ทาสีเหลืองมัสตาร์ดสลับน้ำตาล อันเป็นคู่สีหลักที่คุ้นตาของอาคารรถไฟ ทั่วไป ตัวอาคารแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนตัวอาคารและชานชาลา ด้านหน้าของอาคารมีมุข ยื่น มีการตกแต่งประดับมุมเสาด้วย ลวดลาย ไม้ฉลุคงเอกลักษณ์เดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากรแล้วส่วนตัว อาคารที่ทำ เป็นห้อง มีผนังไม้ตีตามตั้งโชว์แนวเคร่า พร้อมช่องลมระแนงไม้ตีทแยง บานประตูหน้าต่างไม้แบบเก่า ส่วนที่เป็นโถงมีรั้วลูกกรงไม้ พร้อมบานประตูขนาดเล็กน่ารักกั้นพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน ส่วนด้านหลังอาคารเป็นชานชาลามีหลังคาจั่วคลุมแยกต่างหาก โดยเสารับ หลังคาชาน ชาลานี้มีค้ำยันไม้ฉลุตกแต่งให้กลมกลืนกับตัวอาคาร

    “หอนาฬิกาตรัง”

    อีกหนึ่งสถานที่สำคัญ หรือ แลนค์มาร์ค (Landmark) นอกจากจะเป็นหอสุงสำหรับชาวตรังไว้ดูเวลาแล้วยังเป็นวงเวียนรถรถยนต์ อีกทั้งจุดนัดพบ ของชาวตรังและนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ยังเป็นสถานที่จัดงาน ในเทศกาล สำคัญๆ ของเมืองตรังหลายๆ เทศกาล

    หอนาฬิกาประจำจังหวัดตรังเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของจังหวัด ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด ปัจจุบันทางเทศบาลนครตรังได้ปรับปรุงทิวทัศน์บริเวณถนนโดยรอบหอนาฬิกา เพื่อเป็นสถานที่สำหรับนักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมความสวยงามของเมืองตรังในยามเย็นได้อีกด้วย ซึ่งมีเรื่องราว ตำนานของสถานที่แห่งนี้ ที่น่าสนใจมาก

    บริเวณสี่แยกหอนาฬิกา เดิมเป็นที่ตั้งหอกระจายข่าวของเทศบาลเมืองตรังครับ ที่มีโครงสร้างเป็นไม้ สร้างในสมัยของ นายทุ่น อ่อนสนิท เป็นนายกเทศมนตรี (ดำรงตำแหน่งสมัยที่ 3 ระหว่าง พ.ศ. 2483-2488) ชาวบ้านเรียกกันว่า “หอแหลงได้” เพราะเทศบาลจะถ่ายทอดข่าววิทยุกระจายเสียงเป็นประจำทั้งเช้าและเย็น

    คนทับเที่ยงถือเป็นที่ชุมชนฟังข่าวและวิจารณ์เหตุการณ์บ้านเมืองไปด้วยกัน ครั้นเมื่อถึง พ.ศ. 2504 เทศบาลสร้างหอนาฬิกาขึ้นแทน ความสูงวัดได้ 15 เมตร ฐานปรับพื้นที่ต่างระดับ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เมตร

    ต่อมา พ.ศ. 2539 ทางเทศบาลได้ติดตั้งระบบอักษรวิ่งด้วยคอมพิวเตอร์ ทำให้มีรูปทรงที่เปลี่ยนไปจากเดิม ปีพ.ศ.2548 เทศบาลได้ปรับปรุงอีกครั้งโดยถอดระบบอักษรวิ่งออก ทำให้หอนาฬิกากลับคืนสู่สภาพเดิม

    “สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย)”

     สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย) แต่เดิมชื่อ สวนรุกขชาติทุ่งค่าย เริ่มจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2529 โดยกรมป่าไม้ ตามนโยบายของนายชวน หลีกภัย (ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ) เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 และเป็นสถานที่อนุรักษ์พันธุ์ไม้ – สัตว์ป่า และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับประชาชนทั่วไป

    ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2536  ได้พัฒนายกฐานะเป็น สวนพฤกษศาสตร์ และมี ศ.ดร.เต็ม สมิตินันท์ ผู้เชี่ยวชาญพฤกษศาสตร์ป่าไม้ เป็นประธาน จากนั้นในปี พ.ศ. 2546 มีการปรับปรุงระบบราชการ สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย) จังหวัดตรัง มาสังกัดสำนักบริหารจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ 20 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม

    หากเอ่ยถึงพื้นที่ป่าไม้ ทุกคนคงนึกถึงผืนป่าใหญ่กว้างขวาง มีเทือกเขาทอดตัวเป็นแนวยาว หรือมีเขาสูงเตี้ยสลับกันไป แต่ สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย) สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ เป็นต้นน้ำของลำห้วยเล็ก ๆ ลักษณะป่าจะเป็นป่าดิบชื้น ป่าพรุ และทุ่งหญ้า เป็นพื้นที่ป่าไม้ที่แวดล้อมด้วยชุมชมเล็ก ๆ โดยรอบ จึงกล่าวได้ว่าเป็นเมือง (ชุมชน) ล้อมป่า มิใช่ป่าล้อมเมืองเฉกเช่นผืนป่าโดยทั่วไป ในอดีตผืนป่าแห่งนี้เป็นแหล่งอาหารของชุมชน มีชาวบ้านเข้าไปหาของป่า ทั้งสัตว์ป่า พืชผัก และผลไม้ป่า

    “เกาะต่างๆ”

    ทุกๆเกาะล้วนแต่เป็นความงดงามของธรรมชาติ การท่องเที่ยวที่ตรังได้มีความครึกครื้น เป็นที่รู้จักกันอย่างมาก ในกลุ่มของนักเดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ อีกทั้งทะเลตรังยังมีการจัดกิจกรรม “วิวาห์ใต้สมุทร” อีกด้วย

    เมืองตรัง

    เทศกาลแห่งความรัก อย่างวันวาเลนไทน์ จังหวัดตรังก็มีการจัดกิจกรรมพิธีวิวาห์ใต้สมุทรที่เป็นที่รู้จักอย่างมากมาย จังหวัดตรังได้มีการจัดกิจกรรมนี้ขึ้นทุกปี

    “ภูหลวงลูกลม”

                ตำบลนาหมื่นศรี เป็นพื้นที่ชาวบ้านใช้เล่นลูกลม การละเล่นพื้นบ้านประจำปีของจังหวัดตรัง จึงได้นำมาตั้งเป็นชื่อร้าน ที่เน้นคอนเซ็ปต์ให้ลูกค้ามานั่งรับประทานอาหาร จิบกาแฟอร่อย ฟังเพลงเบาๆ สบายๆ ด้วยบรรยากาศแบบบ้านๆ กลางท้องทุ่งนา เพื่อสัมผัสลมเย็นๆ และอากาศที่แสนจะบริสุทธิ์ 

     

    และถ้าหากใครที่มีเวลามาเที่ยวน้อย แนะนำสถานที่สำหรับ กิน เที่ยว ที่นี่เลย “ตลาดชินตา” ตลาดใหม่ของเมืองตรัง ที่รวบรวมที่กินที่เที่ยวไว้ในที่เดียวกัน

    ทั้งหมดนี้ก็คือ ความสุขของคนตรัง และความสุขของคนที่มาเที่ยวตรัง

    บทความอื่นๆ8 วิธีรับมือกับการ “นอนไม่หลับ”  โรคซึมเศร้า คืออะไร? ( ความลับที่เก็บเงียบไม่กล้าบอกให้ใครรู้ )