หมวดหมู่: ท่องเที่ยว

  • เช้าไปเย็นกลับ ขับรถเที่ยว นครนายก

    เช้าไปเย็นกลับ ขับรถเที่ยว นครนายก

    ยกแก๊งเที่ยวเช้าไปเย็นกลับ ขับรถเที่ยว นครนายก

    ยกแก๊งเที่ยว! นครนายก ตะลุยธรรมชาติ ฟินเต็มอิ่มไปกับภูเขา ต้นไม้ และน้ำตก วันเดียวก็เที่ยวได้จร้า เบื่อ ๆ กับชีวิตในเมืองใช่ไหม? ร่างกายต้องการพักผ่อนรึเปล่า? อยากจะดื่มด่ำกับธรรมชาติแต่ก็ไม่ค่อยมีเวลากันล่ะสิ ……

    สำหรับใครที่มีวันหยุดน้อยวัน แล้วอยากไปพักผ่อนกับธรรมชาติที่ใกล้กับกรุงเทพฯ วันนี้ขอแนะนำ “นครนายก” เราจะสามารถท่องเที่ยวภายในวันเดียวได้ โดยจะพาไปไหว้พระทำบุญถึงที่ เที่ยวนํ้าตก และ เขื่อน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ^^

    • เริ่มต้นกันด้วยร้านกาแฟสวนป้าอินทร์ นครนายก

    พื้นที่ด้านหน้าเป็นส่วนของร้านขายต้นไม้ ที่มีให้เลือกหลายแบบ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไม้ในร่ม ทั้งปีโกเนีย พรมญี่ปุ่น   มอส  เฟิร์น พรมออสเตรเลีย ในราคาย่อมเยาหลักสิบถึงร้อยน่าซื้อหากลับบ้าน

    • แวะมาสักการะ หลวงพ่อปากแดง ที่ วัดพราหมณี

    วัดพราหมณี ถือเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งใน จ.นครนายก  ซึ่งสร้างขึ้นในสมัย รัชกาลที่ 5 ปัจจุบันนี้ก็มีอายุ 100 กว่าปีแล้วค่ะ วัดพราหมณีมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีนั้นก็เพราะมีพระประธานศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพนับถือกันอย่างกว้างขวางมีชื่อว่า หลวงพ่อปากแดง เชื่อกันว่าองค์หลวงพ่อมีความศักดิ์สิทธิ์ ช่วยให้คนที่มาขอพรประสบความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการ จนมีชื่อเสียงไปทั่วทุกภูมิภาคของเมืองไทยค่ะ

    ออกจากวัดหลวงพ่อปากแดงมา เราก็ขับต่อไปตามทางน้ำตกสาริกา และมาถึง อุทยานพระพิฆเนศ พระพิฆเนศองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่ อุทยานพระพิฆเนศ

    การเดินทาง จากตัวเมืองนครนายก ไปทางถนนสาริกา-นางรอง ถึงสี่แยกประชาเกษม เลี้ยวซ้ายไปทางน้ำตกลานรัก ถึงสี่แยกประชาเกษม เลี้ยวซ้ายไปทางน้ำตกลานรัก ประมาณ 200 เมตร อยู่ห่างตัวเมืองนครนายกราว 5 กิโลเมตร

    ถึงเวลาของการไปเที่ยวน้ำตกค่ะ เที่น้ำตกตามที่ต่างๆ ที่เต็มไปด้วยความเขียวขจีทั่วไปทั้งป่า เราเลยขอประเดิมมาปีนป่ายโขดหิน ที่ น้ำตกสาริกา นั่นเอง

    สำหรับที่เที่ยวสุดท้ายของวันนี้ ก็คือ เขื่อนขุนด่านปราการชล ซึ่งเป็นการปิดทริปที่น่าประทับใจหากไปในช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดินค่ะ เราสามารถขึ้นไปดูพระอาทิตย์ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้าไปในยามเย็นบนสันเขื่อนที่แวดล้อมด้วยทิวเขาได้ที่นี่นี่เอง

     

     

     

    ขอบคุณข้อมูลจาก : wongnai

    บทความอื่นๆที่น่าสนใจ : น้ำตกเอราวัณ สะพายเป้-ไป ด้วยงบ 500 บาท (Update 2018)

     

  • ไอเดียทำกระทงสุดเจ๋ง! แบบไม่ทำลายธรรมชาติ

    ไอเดียทำกระทงสุดเจ๋ง! แบบไม่ทำลายธรรมชาติ

    ไอเดียทำกระทงสุดเจ๋ง! ต้อนรับวันเพ็ญเดือน12

    วันเพ็ญเดือน 12 เมื่อน้ำนองเต็มตลิ่ง ก็ได้เวลาขอขมาพระแม่คงคาเทพสตรีผู้ดูแลรักษาสายน้ำ ของชาวไทยเราด้วยประเพณีลอยกกระทงกันแล้ว

    แต่ลอยกระทงก็มีแค่ปีละครั้ง ลอยกระทงแบบเดิม ๆ มันจะไปเก๋ กู๊ดได้อย่างไร คนยุคใหม่อย่างเรา ๆ ต้องหาไอเดียบรรเจิด ไปขอขมาพร้อมทั้งขอพร ลอยทุกข์โศก โรคภัยไปกับแม่น้ำด้วยกระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมให้ขัดใจพระแม่คงคากันดีกว่า มีอะไรบ้างมาดูเลย

    ประวัติวันลอยกระทง

    เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทย ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย ตามปฏิทินจันทรคติล้านนา มักจะตกอยู่ในราวเดือนพฤศจิกายน ตามปฏิทินสุริยคติ ประเพณีนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อพระแม่คงคา บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก สำหรับวันลอยกระทง 2561 นี้ ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12)

    เดิมเชื่อกันว่าประเพณีลอยกระทง เริ่มมีมาแต่สมัยสุโขทัย ในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหง โดยมีนางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ เป็นผู้ประดิษฐ์กระทงขึ้นครั้งแรก โดยแต่เดิมเรียกว่าพิธีจองเปรียง ที่ลอยเทียนประทีป และนางนพมาศได้นำดอกโคทม ซึ่งเป็นดอกบัวที่บานเฉพาะวันเพ็ญเดือนสิบสองมาใช้ใส่เทียนประทีป แต่ปัจจุบันมีหลักฐานว่าไม่น่าจะเก่ากว่าสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยอ้างอิงหลักฐานจากภาพจิตรกรรมการสร้างกระทงแบบต่างๆ ในสมัยรัชกาลที่ 1

    วัสดุที่ไม่ควรนำมาใช้ในการทำกระทง

    วัสดุใดๆ ก็ตามที่เรานำมาทำกระทงนั้นจะต้องสามารถแช่อยู่ในน้ำได้นาน ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ นั่นก็คือวัสดุจะต้องไม่เปื่อยยุ่ย แล้วทำให้เกิดมลภาวะทางน้ำ และต้องจัดเก็บทำความสะอาดง่าย เช่น กาบกล้วย กาบมะพร้าว เป็นต้น และนอกจาก กาบกล้วย กาบมะพร้าว จะไม่เปื่อยยุ่ย ทำให้น้ำเสียแล้ว ก็ยังสามารถนำกลับมาทำเป็นปุ๋ยต้นไม้ได้อีกด้วย

    โดยฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นวัสดุจำพวกแป้งมันสำปะหลัง ขนมปัง ถึงจะย่อยสลายง่าย แต่ก็สามารถทำให้น้ำเสียได้เร็ว และนอกจากพวกขนมปังแล้ว ดอกไม้ ดอกบัว ใบตอง กาบกล้วยก็ทำให้เกิดมลพิษทางน้ำได้เช่นกัน สำหรับคนที่อยากลอยกระทงขนมปัง หรือกระทงโคนไอศครีมควรจะไปลอยในแม่น้ำ หรือตามท่าเรือ ซึ่งเป็นแหล่งที่มีสัตว์น้ำอาศัยอยู่ ก็จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาน้ำเน่าเสีย

     

    รวมไอเดียกระทงสุดเจ๋ง !!!

    สำหรับใครที่กำลังมองหากระทงสวยๆ อยู่ วันนี้เราได้รวบรวมไอเดียกระทงแปลก แอบเด่น แถมเก๋  มาเป็นทางเลือกให้กับทุกคนด้วยค่ะ รับรองว่า ลอยไปปุ๊บ เด่นปั๊บ ไม่ต้องส่องหาแน่นอน ………

     

     

     

     

     

    ขอบคุณข้อมูลจาก : trueplookpanya

    บทความอื่นที่น่าสนใจ : พัทยา ถึง แหลมบารีฮาย

     

  • น้ำตกเอราวัณ สะพายเป้-ไป ด้วยงบ 500 บาท (Update 2018)

    น้ำตกเอราวัณ สะพายเป้-ไป ด้วยงบ 500 บาท (Update 2018)

    น้ำตกเอราวัณ สะพายเป้-ไป ด้วยงบ 500 บาท

    น้ำตกเอราวัณ (2016) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ทุกคนคุณเคยกันเป็นอย่างดีด้วยเสน่ห์ของผืนป่าและธารน้ำ ทำให้ที่นี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ไม่ไปไม่ได้แล้ว จัดกระเป๋าเตรียมของสะพายบ่า ออกเดินทางด้วยงบ 500 บาท Go…..!!!น้ำตกเอราวัณ

    น้ำตกเอราวัณ น้ำตกเอราวัณ

    น้ำตกเอราวัณ เป็นน้ำตกที่ใหญ่และสวยงาม บนฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ ตั้งอยู่ที่ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นน้ำตกที่มีระยะทางยาวประมาณ 1,500 เมตร ติดต่อกัน ซึ่งแบ่งออกเป็นชั้นๆ ได้ 7 ชั้นเป็นน้ำตกขนาดใหญ่เดิม มีชื่อว่า น้ำตกสะด่องม่องลาย ตามชื่อลำห้วยม่องล่ายซึ่งเป็นต้นน้ำของน้ำตกที่เกิดจากยอดเขา ตาม่องล่ายใน เทือกเขาสลอบ สายน้ำจะไหลมาตามชั้นหินเป็นระยะทางประมาณ 1,500 เมตร แบ่งออกเป็นชั้นใหญ่ๆได้ 7 ชั้น
    น้ำตกเอราวัณ
    ออกเดินทาง : เส้นทางสู่น้ำตกเอราวัณ แบบงบประมาณ 500 บาท เริ่มจาก

    รถโดยสารประจำทาง สถานีสายใต้ใหม่ เส้นทางกรุงเทพ-กาญจนบุรี ราคาตั๋ว 100 บาท

    น้ำตกเอราวัณ

    ถึงสถานีขนส่งกาญจนบุรีใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง กว่าๆ เมื่อถึงที่สถานทีต้องนั่งรถทัวร์เล็กต่อเข้าไปในน้ำตกอีกประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ราคาตั๋ว 50 บาท

    น้ำตกเอราวัณ

    และเมื่อเดินทางไปถึงปากทางเข้าน้ำตก จะมีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาเก็บค่าเข้าอุทธยาน คนล่ะ 100 บาท

    น้ำตกเอราวัณ

    ถึงน้ำตกแล้ว กฏเหล็กของที่นี้ก็คือเมื่อคุณเดินไปถึงน้ำตกชั้นที่ 3 จะต้องฝากอาหาร แต่สามารถนำเครื่องดื่มเดินขึ้นไปบนน้ำตกชั้นอื่นๆได้ แต่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามีขวดน้ำกี่ขวดและนำกลับมาลงมาแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อรับเงินมัดจำคืน  เมื่อถึงน้ำตกแล้วสิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้คือการทำสปาปลาแบบธรรมชาติสุดๆ ถึงคุณจะไม่อยากทำ แต่การลงไปในน้ำในบริเวณที่มีปลาชุกชุม ทำให้เราได้รับการบำบัดเท้าไปโดยปริยาย วัดหยุดสุดสัปดาห์ใครว่างก็แวะไปเที่ยวกันได้ สะพายเป้พร้อมพกเงินไป 500 บาท นั่งทำสปาปลากันแบบชิวๆ ค่อยกลับมาลุยงานต่อถือเป็นการพักผ่อนที่คุ้มค่ามากจริงๆน้ำตกเอราวัณ
    น้ำตกเอราวัณน้ำตกเอราวัณ

    บทความน่าอ่านลองคลิ๊กดู

    น้ำตกเอราวัณ Update ล่าสุด ปี 2018

    ภาพ บรรยากาศ และข้อควรระวังนิดหน่อย 

    รีวิว ล้วนๆ เขียวใส มรกต : ถือว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่สีของน้ำตกเอราวัณสวยที่สุด แต่ข้อเสียคือปลาตัวเล็กๆที่เคยเอาเท้าไปจุ่มแล้วมาตอดๆเท้าเราไม่มีเลย เพราะน้ำไหลค่อนข้างแรง จะมีก็แต่พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาพรวงตัวใหย๋ใหญ่ ที่พากันโบกสะบัดหางไปมาทวนกระแสน้ำอยู่ และอีกอย่างที่หายไปคือผีเสื้อ แต่ก็ถือว่าได้อีกบรรยากาศนึง


    ร้องเท้าต้องห้าม 🚫 ร้องเท้าผ้าใบสีขาว สวยๆ แพงๆ (สงสาร Adidass ของผู้ร่วมทางมาก เน่าเชียว )หรือร้องเท้าผู้หญิง ที่ไม่สามารถลุยน้ำได้ถ้าจะไปถึงชั้น 7 นะ เพราะตลอดทางต้องลุยน้ำ อีกอย่างระวังคุณลิงบนหัวด้วยมัวแต่ก้มๆดูทาง เงยมาอีกทีเจอลืงเต็มหน้าเลย และระวังถ้าจะเดินเท้าเปล่าคำว่าลื่นล้มคงต้องระวังกันอยู่แล้วแต่อีกอย่างคือระวังหนาม เพราะโดนมาแล้ว อ่อ อีกอย่างชาวต่างชาติไปกันเยอะมาก งานดีทั้งนั้น เล่นเอาเรารู้สึกเหมือนคนแปลกที่แปลกถื่นไปเลย เพราะเขามากันเยอะจริงๆ

    #ตะคริวกินเท้าเราตลอดทางบ่น…. ไปชมภาพบรรยากาศล่าสุดในช่วง ฤดูหนาวอันแสนสั้นของเรากันเล๊ยยยยย

    น้ำตกเอราวัณคลิป

    เพิ่มเติมเรื่องตารางการเดินรถ เที่ยวสุดท้าย ออกจากน้ำตก 5 โมงเย็นเด้อค่ะเด้อ So เผื่อเวลาในการเดินลงมาจากชั้น 7 กันด้วยนะคะ

     

    เวลาทำการ : อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เปิดเวลา 7.30-16.00 น.

  • สืบสานประเพณีออกพรรษา ตักบาตรเทโวโรหณะ

    สืบสานประเพณีออกพรรษา ตักบาตรเทโวโรหณะ

    สืบสานประเพณีตักบาตร เทโวโรหณะ หลังวันออกพรรษา

    เทโวโรหณะ แปลว่าการลงจากเทวโลก ในพรรษาที่ 7 นับแต่วันตรัสรู้ พระพุทธเจ้าเสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อเทศน์โปรดพระพุทธมารดา ที่ได้กำเนิดเป็นเทพบุตรอยู่ในชั้นดุสิต สวรรค์ชั้นที่ 4 โดยลงมาฟังธรรมที่ชั้นดาวดึงส์ สวรรค์ชั้นที่ 2 จนบรรลุโสดาปัตติผล สาเหตุที่พระศาสดาไม่เสด็จไปแสดงธรรมในชั้นดุสิต เพราะเทวดาที่อยู่ในชั้นดาวดึงส์ไม่สามารถขึ้นไปในชั้นดุสิตได้ ด้วยศักดานุภาพที่น้อยกว่า เพื่อให้โอกาสฟังธรรมแก่เทวดาเหล่านั้น
    ครั้นถึงวันมหาปวารณา วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 จึงเสด็จลงจากเทวโลกที่เมืองสังกัสสนคร  ในกาลที่เสด็จลงจากเทวโลก ได้มีเนินเป็นอันเดียวกันจนถึงพรหมโลก
     เมื่อทรงแลดูข้างล่าง สถานที่นั้นก็มีเนินอันเดียวกันจนถึงอเวจีมหานรก ทรงแลดูทิศใหญ่และทิศเฉียง จักรวาลหลายแสนก็มีเนินเป็นอันเดียวกัน เทวดาก็เห็นพวกมนุษย์ แม้พวกมนุษย์ก็เห็นเทวดา สัตว์นรกก็เห็นมนุษย์และเทวดา ต่างก็เห็นกันเฉพาะหน้าทีเดียว ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงเปล่งฉัพพรรณรังสี ขณะที่พระองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
    รุ่งขึ้นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ชาวเมืองจึงพากันทำบุญตักบาตรเป็นการใหญ่ เพราะไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้ามาถึง 3 เดือน การทำบุญตักบาตรในวันนั้น  เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นจึงนิยม ตักบาตรเทโว กันจนเป็นประเพณีสืบมาตราบเท่าทุกวันนี้
    การเสด็จลงจากเทวโลก ของพระพุทธเจ้า เป็นเหตุการณ์ตอนหนึ่งของพระพุทธเจ้า คือในพรรษาที่ 7 ได้เสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนเทวโลกคือบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อแสดงธรรมโปรดพุทธมารดา ครั้นถึงวันมหาปวารณา เสด็จลงจากเทวโลกในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ตำนานเล่าว่า พระอินทร์ ทรงนิมิตบันได 3 อย่างถวาย คือ บันไดทอง บันไดแก้วมณี บันไดเงิน หัวบันไดพาดอยู่ที่ยอดเขาสิเนรุ เชิงบันไดอยู่ที่ประตูเมืองสังกัสสนคร เวลาเสด็จลงทรงใช้บันไดแก้วมณี เหล่าเทวดาลงทางบันไดทอง เหล่ามหาพรหมลงทางบันไดเงิน เรียกการเสด็จครั้งนั้นว่า เทโวโรหณะ
    • ประเพณีตักบาตรเทโว “มหัศจรรย์ข้าวต้มลูกโยนแห่งสระบุรี”

    ในปัจจุบัน  การตักบาตรด้วย “ข้าวต้มลูกโยน” นับวันจะเลือนหายไป  ดังนั้นจึงควรจะมีการอนุรักษ์  ฟื้นฟู  และส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามเช่นนี้ให้อยู่คู่จังหวัดสระบุรีต่อไป  และประเพณีดังกล่าวยังจัดรวมอยู่ในปฏิทินปีท่องเที่ยวจังหวัดสระบุรี  โดยในปีนี้ทางจังหวัดสระบุรีได้กำหนดให้มีการจัดงานประเพณี “มหัศจรรย์ข้าวต้มลูกโยนแห่งสระบุรี” ขึ้น ในวันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม 2561 ตั้งแต่เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป ณ วัดพระพุทธฉาย อ.เมือง จ.สระบุรี

    ตักบาตรเทโวโรหณะ

    • ประเพณีตักบาตรเทโว  จังหวัดอุทัยธานี

    ขึ้นแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑  ถึงกำหนดเวียนมาบรรจบ ณ วัดสังกัตรัตนคีรี พระสงฆ์หลายร้อยรูปเดินลงจากยอดเขา  ผ่านบันได ๔๔๙ ขั้นสู่เบื้องล่าง  ที่ยังเนืองแน่นไปด้วยพุทธศาสนิกชนเรือนหมื่น  ที่ยังคงยึดมั่นในวิถีปฏิบัติดั้งเดิม  อันสะท้อนภาพแรงศรัทธาที่สุกสว่าง  ภายในจิตใจของทุกคน

    พระสงฆ์หลายร้อยรูปพร้อมเพรียงเดินลงจากยอดเขาสะแกกรัง 449 ชั้น เป็นสายยาวท่ามกลางฉากหลังคือบันไดที่อยู่ระหว่างกลางภูเขา  ตัดกับขอบฟ้าสีคราม  ดูเสมือนหนึ่งพระสงฆ์กำลังลงมาจากยอดเขาดาวดึงส์  ผู้คนเบื้องล่างตระเตรียมข้าวสารอาหารแห้งมารอใส่บาตรพระสงฆ์  จนเป็นภาพที่จดจำ  ทั้งยังช่วยสร้างศรัทธาและสืบสานให้พระพุทธศาสนาคงอยู่สืบไป

    • ตักบาตรเทโว ที่บ้านวังแดง อุตรดิตถ์
    ที่บ้านวังแดง จังหวัดอุตรดิตถ์ ดูแล้วเป็นประเพณีงานตักบาตรที่คึกคักที่สุดในจังหวัดอุตรดิตถ์
    เป็นยังไงกันบ้างละค่ะ กับบรรยากาศ ความสนุกสนานกับประเพณีตักบาตรเวโท ของแต่ละจังหวัด นี้เป็นแค่บางส่วน ยังมีอีกหลายจังหวัดที่จัดงาน พี่น้องชาวไทยอย่าลืมไปเที่ยวชมงานและร่วมสืบสารประเพณีของไทยกันนะค่ะ ทาง CheezeBite ต้องของลาไปก่อน เอาไว้พบกันใหม่ กับเทศกาลหน้านะจ๊ะ บายยยย…..!!
  • พาไปเที่ยว บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

    พาไปเที่ยว บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

    บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

    บ้านอีต่อง เป็นที่ตั้งของเหมืองปิล็อก ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต เมื่อราวปี พ.ศ. 2483 เหมืองขุดแร่ดีบุกที่มีคนงานร่วม 600 คน จนราคาแร่ทั่วโลกตกต่ำ ผลจากการตัดราคาของแร่จากจีน  ประมาณปี พ.ศ. 2527-2528 ความรุ่งโรจน์ของการขุดแร่ได้จบลง  ปิล๊อกที่เคยรุ่งเรือง มีตลาดที่เฟื่องฟู เคยมีโรงภาพยนตร์ถึง 2 โรงก็เงียบเหงา เหมืองแร่ต่างๆ ที่นี่ทยอยปิดตัวลง คนงานเริ่มทยอยกลับบ้านแยกย้ายกันไป

    ปัจจุบันนี้รายได้หลักของหมู่บ้านอีต่องคือ การท่องเที่ยว ที่พักโฮมสเตย์ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบธรรมชาติ อากาศดี อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 เมตร เมืองที่ร่ำรวยด้วยหมอก ปัจจุบันเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวหลายคนต้องการมาสัมผัส ต้องเดินทางผ่าน 399 โค้ง และยังมีแหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆ คือ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เนินช้างศึก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

    บรรยากาศการ บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก อ.ทองผาภูมิ

    บ้านอีต่อง 
    หมู่บ้านของชายไทยเชื่อสานพม่า เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ยังคงมีวิถีชีวิตอันงดงาม จากหมู่บ้านมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเขาช้างเผือก ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด ของ อ. ทองผาภูมิ มีนักนักท่องเที่ยวที่รักการเดินป่าและผจญภัยขึ้นไปพิชิตความสวยงาม และ ยิ่งใหญ่ของ ที่นี่กันแทบทุกปี ชมภาพสวยๆ กันได้เลยค่ะ….

    วัดปิล็อก อยู่เหนือตลาดบ้านอีต่องเดินขึ้นไปนิดเดียว

    เดินชมหมู่บ้านอีต่อง ดอกไม้ที่ชาวบ้านปลูกจะแปลกตาเพราะเป็นไม้เมืองหนาวออกดอกสวยงาม

    เหมืองปิล็อก ขององค์กรเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อราวปี พ.ศ. 2483 ยุครุ่งเรืองของการขุดแร่ที่นี่ ก่อนที่จะปิดตัวลงเพราะราคาแร่ตกต่ำ ในราวปี พ.ศ. 2527-2528

    บ้านพัก ร้านอาหาร กาแฟ ของที่ระลึก ที่หมู่บ้านอีต่อง น่ารักหลายร้าน

    มีสินค้าจากประเทศพม่าราคาเป็นมิตรกับกระเป๋า ด้านบนหมู่บ้านอีต่องเดินมานิดก็จะมีลานสำหรับกางเต้นท์ ไม่เสียค่าใช้จ่าย

    รถโดยสารเป็นรถสองแถวสีเหลือง ด้านข้างเขียนว่า ตลาดทองผาภูมิ – อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ – บ้านอีต่อง เริ่มเดินทางจากตลาดทองผาภูมิ ประมาณ 10.00 จนถึง 12.00 น. และขากลับจากบ้านอีต่องลงไปข้างล่าง เริ่ม 6.00 จนถึง 7.00 น. (เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต) เพราะตอนนี้มีบริการเพียง 3 คัน ค่าโดยสารคนล่ะ 70 บาท

    น้ำตกจ๊อกกระดิ่น อยู่ก่อนถึงหมู่บ้านอีต่อง 5 กม. จากปากทางเข้าน้ำตกเดินทางเข้าไปอีก 2.8 กม. ค่าเข้า 40 บ. ถ้านำรถยนเข้าไปเสียอีก 30 บ.ต่อคัน การเดินทางเป็นถนนลาดยางคดเคี้ยวพอสมควร มีทางค่อนข้างชัน ควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง รถที่เหมาะควรเป็นรถที่มีแรงขับเคลื่อนพอสมควร รถเก๋งไปได้แต่ไม่ควรนั่งเกิน 2 คนแต่ถ้าฝนตกถนนเปียกไม่แนะนำให้เข้าไป  ขาไปไม่น่าห่วงแต่ตอนขากลับนี่แหละ เพราะมีช่วงถนนชันอยู่ช่วงหนึ่ง

    การเดินทางไปยัง หมู่บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก

    รถส่วนตัว

    จากตลาดทองผาภูมิ ไป หมู่บ้านอิต่อง ระยะทาง 70 กม. เส้นทางโค้งกว่า 399 โค้ง ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง สภาพถนนเป็นถนนลาดยาง บางช่วงมีผิวถนนชำรุดเป็นหลุมบ่อ ควรเดินทางออกก่อนเวลา 15.00 น. เติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนขี้นไป เพราะด้านบนมีแค่ปั้มหลอดแก้ว

    – มอเตอร์ไซต์ ขึ้นได้
    – รถเก๋งเล็กแบบ ECO CAR เครื่อง 1,200 cc สามารถขึ้นได้สบาย แนะนำให้นั่งไม่เกิน 2 คน บวกกับสัมภาระส่วนตัวแล้วขึ้นได้สบายชิลๆ
    – รถยนต์ เก๋ง กระบะ ขึ้นได้ใช้เกียร์ต่ำ
    *** ถ้าต้องการแวะเข้าชมน้ำตกจ๊อกกระดิ่น จะมีช่วงทางชัน ควรขับด้วยความระมัดระวัง ***

    รถโดยสารประจำทาง

    จากท่าตลาดทองผาภูมิ เป็นรถสองแถวสีเหลือง ด้านข้างเขียนว่า ตลาดทองผาภูมิ – อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ – บ้านอีต่อง
    – ขาขึ้น เริ่มเดินทางจากตลาดทองผาภูมิ รถออกประมาณเวลา 10.00 จนถึง 12.00 น.
    – ขาลง จากบ้านอีต่องลงไปข้างล่าง รถออกเวลา  6.00 จนถึง 7.00 น. (เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต)

    ตอนนี้มีบริการเพียง 3 คัน ค่าโดยสารคนล่ะ 70 บาท

     

     

    บทความอื่นที่น่าสนใจ : นักท่องเที่ยวแห่ชมแสงแรก ดอยอินทนนท์ คึกคักอุณหภูมิ 7 องศาเซลเซียส

  • สารทเดือนสิบ (ชิงเปรต) ประเพณีแห่งความกตัญญูกตเวที

    สารทเดือนสิบ (ชิงเปรต) ประเพณีแห่งความกตัญญูกตเวที

    สารทเดือนสิบ ประเพณีแห่งความกตัญญูกตเวที

    สารทเดือนสิบ เป็นงานบุญประเพณีของคน ภาคใต้ ของประเทศไทย โดยเฉพาะชาวนครศรีธรรมราชที่ได้รับอิทธิพลด้านความเชื่อ ซึ่งมาจากทางศาสนาพราหมณ์ โดยมีการผสมผสานกับความเชื่อทางพระพุทธศาสนาเข้ามาในภายหลัง โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณของบรรพชนและญาติที่ล่วงลับ ซึ่งเชื่อว่าได้รับการปล่อยตัวมาจากภูมินรกที่ตนต้องจองจำอยู่เนื่องจากผลกรรมที่ตนได้เคยก่อไว้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่

    โดยจะเริ่มปล่อยตัวจากภูมินรกในทุกวันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 เพื่อมายังโลกมนุษย์ โดยมีจุดประสงค์ในการมาขอส่วนบุญจากลูกหลานญาติพี่น้องที่ได้เตรียมการอุทิศไว้ให้ เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ล่วงลับ หลังจากนั้นก็จะกลับไปยังภูมินรก ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10

    ความมุ่งหมายของประเพณีสารทเดือนสิบ

    ประเพณีสารทเดือนสิบ มีความมุ่งหมายสำคัญอยู่ที่ การทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ กับ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย และญาติพี่น้อง ผู้ล่วงลับไปแล้ว แต่ด้วยเหตุที่วิถีชีวิตของชาวนครศรีธรรมราช เป็นวิถีชีวิตแห่งพระพุทธศาสนา ในสังคมเกษตรกรรม จึงมีความมุ่งหมายอื่นร่วมอยู่ด้วย

    1. เป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศล ให้กับ พ่อ แม่ ปู่า ตา ยาย ญาติพี่น้อง หรือบุคคลอื่นผู้ล่วงลับไปแล้ว
    2. เป็นการทำบุญ ด้วยการเอาผลผลิตทางการเกษตร แปรรูปเป็นอาหารถวายพระสงฆ์ รวมถึง การจัดหฺมรับ ถวายพระ ในลักษณะของ “สลากภัต” นอกจากนี้ ยังถวายพระ ในรูปของผลผลิตที่ยังไม่แปรสภาพ เพื่อเป็นเสบียงแก่พระสงฆ์ ในช่วงเข้าพรรษาในฤดูฝน ทั้งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคล แก่ตนเอง ครอบครัว และเพื่อผลในการประกอบอาชีต่อไป
    3. เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความสนุกสนานรื่นเริงประจำปี เป็นสิ่งที่มีอยู่ในทุกประเพณี ของชาวนคร แต่ประเพณีนี้มีชื่อเสียงมากที่สุด ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ทุกๆ ปี เรียกว่า “งานเดือนสิบ” ซึ่งงานเดือนสิบนี้ ได้จัดควบคู่กับประเพณีสารทเดือนสิบ มาตั้งแต่ พ.ศ. 2466 จนถึงปัจจุบัน

    ประเพณีปฏิบัติ

    ก่อนวันงาน ชาวบ้านจะทำขนมที่เรียกว่า กระยาสารท และขนมอื่นๆ แล้วแต่ความนิยมของแต่ละท้องถิ่น ในวันงานชาวบ้านจัดแจงนำข้าวปลาอาหารและข้าวกระยาสารทไปทำบุญตักบาตรที่วัดประจำหมู่บ้าน ทายก ทายิกาไปถือศีล เข้าวัด ฟังธรรม และรักษาอุโบสถศีล นำข้าวกระยาสารท หรือขนมอื่น ไปฝากซึ่งกันและกัน ยังบ้านใกล้เรือนเคียง หรือหมู่ญาติมิตรที่อยู่บ้านไกล หรือถามข่าวคราวเยี่ยมเยือนกัน บางท้องถิ่นทำขนม สำหรับบูชา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม่พระโพสพ ผีนา ผีไร่ด้วย เมื่อถวายพระสงฆ์เสร็จแล้ว ก็นำไปบูชาตามไร่นา โดยวางตามกิ่งไม้ต้นไม้ หรือที่จัดไว้เพื่อการนั้นโดยเฉพาะ

    กิจกรรม

    การทำบุญวันสารทเดือนสิบ หรือภาษาท้องถิ่นเรียกว่า วันชิงเปรตนั้น ในเดือนสิบ กันยายน มีการทำบุญที่วัด 2 ครั้ง

    • ครั้งแรก วันแรม 1 ค่ำ เดือนสิบเรียกว่า วันรับเปรต
    • ครั้งที่สอง วันแรม 15 ค่ำ เดือนสิบเรียกว่า วันส่งเปรต

    การทำบุญทั้งสองครั้ง เป็นการทำบุญที่แสดงถึง ความกตัญญูต่อบุพการีผู้ล่วงลับไปแล้ว โดยอุทิศส่วนกุศล ไปให้วิญญาณของบรรพบุรุษที่ตกอยู่ในเปรตภูมิ เป็นคติของศาสนาพราหมณ์ ที่ผสมในประเพณีของพุทธศาสนา พุทธศาสนิกชน นิยมไปทำบุญ ณ วัดที่เป็นภูมิลำเนาของตน เพื่อร่วมพิธีตั้งเปรต และชิงเปรตอาจสับเปลี่ยนกันไปทำบุญ ณ ภูมิลำเนาของฝ่ายบิดาครั้งหนึ่ง ฝ่ายมารดาครั้งหนึ่ง จึงทำให้ผู้ที่ไปประกอบ อาชีพจากถิ่นห่างไกลจากบ้านเกิด ได้มีโอกาสได้กลับมาพบปะสังสรรค์ และรู้จักวงศาคณาญาติเพิ่มขึ้น

    ระยะเวลา

    ระยะเวลาของการประกอบพิธีประเพณีสารทเดือนสิบ มีขึ้นในวันแรม 1 ค่ำ เืดือนสิบ แต่วันที่ชาวนครนิยมทำบุญคือ วันแรม 13-15 ค่ำ

    ลักษณะการจัดของ

    1. ชั้นล่างสุด จัดบรรจุสิ่งของประเภทอาหารแห้ง ลงไว้ที่ก้นภาชนะ ได้แก่ ข้าวสาร แล้วใส่พริก เกลือ หอม กระเทียม กะปิ น้ำปลา น้ำตาล มะขามเีปียก รวมทั้งบรรดาปลาเค็ม เนื้อเค็ม หมูเค็ม กุ้งแห้ง เครื่องปรุงอาหารที่จำเป็น
    2. ขั้นที่สอง จัดบรรจุอาหารประเภทพืชผักที่เก็บไว้ได้นาน ใส่ขึ้นมาจากชั้นแรก ได้แก่ มะพร้าว ขี้พร้า หัวมันทุกชนิด กล้วยแก่ ข้าวโพด อ้อย ตะไคร้ ลูกเนียง สะตอ รวมทั้งพืชผักอื่นที่มีในเวลานั้น
    3. ขั้นที่่สาม จัดบรรจุสิ่งของประเภทของใช้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ น้ำมันพืช น้ำมันมะพร้าวน้ำมันก๊าด ไต้ ไม้ีขีดไฟ หม้อ กระทะ ถ้วย ชาม เข็ม ด้าย หมาก พลู กานพลู การบูน พิมเสน สีเสียด ปูน ยาเส้น บุหรี่ ยาสามัญประจำบ้าน ธูป เทียน
    4. ขั้นบนสุด ใช้บรรจุและประดับประดาด้วยขนมอันเป็นสัญลักษณ์ของสารทเดือนสิบ เป็นสิ่งสำคัญของหมฺรับ ได้แก่ ขนมพอง ขนมลา ขนมกง (ขนมไข่ปลา) ขนมบ้า ขนมดีซำ ขนมที่บรรพบุรุษและญาติที่ล่วงลับได้นำไปใช้ประโยชน์

    ขนมเดือนสิบ

    ขนมพอง เป็นสัญลักษณ์แทน เรือ แพ ที่บรรพบุรุษใช้ข้ามห้วงมหรรณพ เหตุเพราะขนมพองนั้น แผ่ดังแพ มีน้ำหนักเบา ย่อมลอยน้ำ และขี่ข้ามได้

    ขนมลา เป็นสัญลักษณ์แทน แพรพรรณ เครื่องนุ่งห่ม เหตุเพราะขนมลา มีรูปทรงดังผ้าถักทอ พับ แผ่ เป็นผืนได้

    ขนมบ้า เป็นสัญลักษณ์แทน ลูกสะบ้า สำหรับใช้เล่น ต้อนรับสงกรานต์ เหตุเพราะขนมบ้า มีรูปทรงคล้ายลูกสะบ้า การละเล่นที่นิยมในสมัยก่อน

    ขนมดีซำ เป็นสัญลักษณ์แทน เงิน เบี้ย สำหรับใชัสอย เหตุเพราะรูปทรงของขนม คล้ายเบี้ยหอย

    ขนมกง (ไข่ปลา) เป็นสัญลักษณ์แทน เครื่องประดับ เหตุเพราะรูปทรงมีลักษณะ คล้ายกำไล แหวน

    การอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล

    จากสมัยพุทธกาล การที่พระเจ้าพิมพิสารทรงหลั่งน้ำทักษิโณทกอุทิศบุญกุศลให้บรรพบุรุษที่เป็นเปรตนั้น กลายเป็นที่มาของการอุทิศส่วนบุญโดยมีน้ำกรวด แต่แท้ที่จริงแล้ว การอุทิศส่วนกุศลที่เรียกว่าปัตติทานมัยนั้น เดิมทีไม่ต้องใช้น้ำเลย ฉะนั้น การอุทิศส่วนกุศล จะมีน้ำด้วยก็ได้ ไม่มีก็ได้ ย่อมสำเร็จทั้งสิ้น

    แต่การอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ไปเกิดเป็นเปรตนั้น บุญนั้นจะต้องเกิดจากทานเท่านั้น และเปรตที่จะได้รับส่วนบุญนี้ก็เฉพาะ ปรทัตตูปชีวิเปรต คือ เปรตที่อาศัยทานที่คนอื่นให้ ท่านกล่าวไว้ในคัมภีร์อย่างนี้.

     

     

     

     

    บทความอื่นที่ น่าสนใจ  : จริงหรือโกหก!! ความศรัทธา กับ บั้งไฟพญานาค

     

  • จริงหรือโกหก!! ความศรัทธากับ บั้งไฟพญานาค

    จริงหรือโกหก!! ความศรัทธากับ บั้งไฟพญานาค

    พิสูจน์ปรากฏการณ์ความศรัทธากับ บั้งไฟพญานาค

    บั้งไฟพญานาค ปรากฏการณ์ประหลาดที่บังเอิญทุกปีในวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบเอ็ดจะเกิดปรากฏการณ์ลึกลับที่ลูกไฟพวยพุ่งขึ้นจากแม่น้ำโขงแล้วสลายไปในอากาศ คติความเชื่อจากคนโบราณชาวอีสานเชื่อว่าคือบั้งไฟพญานาค บั้งไฟที่ว่ามีที่ไปที่มาอย่างไรทำไมต้องเกิดเฉพาะคืนวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบเอ็ดเท่านั้น เราจะมาพิสูจน์ความจริงค่ะ…

    ความเชื่อจากชาวอีสานสมัยโบราณเชื่อว่า บั้งไฟพญานาคที่กล่าวมาจุดโดยพญานาคที่ทรงอิทธิฤทธิ์ จุดขึ้นจากเมืองบาดาลเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าที่กำลังเสด็จลงมาจากการโปรดมารดาพระองค์บนสวรรค์จนกระทั่งเป็นปรากฏการณ์ประหลาด และสร้างความอัศจรรย์ใจแก่มนุษย์บนโลกที่สำคัญยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่าทำไมเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเฉพาะคืนนี้เท่านั้น ที่มาที่ไปคือคนอีสานโบราณพบโดยบังเอิญขณะออกเรือหาปลาตอนกลางคืน และที่ผ่านมามีแต่ข้อพิสูจน์จากนักเคมีว่าลูกไฟพวยพุ่งขึ้นจากแม่น้ำโขงเกิดจากกระบวนการหมักซากพืชซากสัตว์ในบริเวณใจกลางแม่น้ำโขง นานวันจนเกิดเป็นแก็สธรรมชาติชนิดหนึ่งและแก็สที่ว่านี้มีความเบากว่าอากาศทำให้เกิดการพวยพุ่งขึ้นจากผิวน้ำ เป็นระยะบริเวณที่เกิดจะเกิดบนผิวแม่น้ำโขงเขตอำเภอรอบๆจังหวัดหนองคาย จะพบมากที่สุดที่อำเภอโพนพิสัย

    และแก็สที่ว่าคือ แก็สมีเทนเป็นแก็สไฮโดรคาร์บอนชนิดหนึ่ง เมื่อเผาไหม้สมบูรณ์ไม่หลงเหลือของเสียออกสู่ชั้นบรรยากาศแล้ว ทำให้ไม่มีสีไม่มีกลิ่นส่วนใหญ่จะใช้ประโยชน์ในครัวเรือนสำหรับหุงต้ม
    แต่ความเชื่อจากชาวอีสานตอนบนแย้ง และตั้งข้อสังเกตว่าคุณสมบัติแก็สมีเทนคือ ไม่มีสีและคุณสมบัติแก๊สจะต้องเป็นไปตามภาชนะที่บรรจุการพวยพุ่ง ไม่มีภาชนะทำไมเกิดเป็นลูกไฟมีขนาดใกล้เคียงกันโดยไม่มีภาชนะและทำไมสีออกไปทางสีชมพูผิดจากธรรมชาติ สำหรับแก็สที่เกิดจากการหมักซากพืชซากสัตว์ลูกไฟที่เกิดมีเสียงที่เกิดจากการลอยจากผิวน้ำ และที่สำคัญปรากฏการณ์นี้ทำไมต้องเกิดเฉพาะวันออกพรรษาเท่านั้น คนอีสานโบราณจึงเชื่อว่าคือ บั้งไฟพญานาค
    คติความเชื่อหลายอย่างจากคนโบราณที่ความจริงพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ อธิบายได้แต่ความเชื่อเรื่องบั้งไฟพญานาคยังคงอยู่ระหว่างกึ่งกลาง ระหว่างความเชื่อที่กำลังเป็นกระแสกับความจริงที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ แน่ชัดว่าที่แท้จริงคืออะไรกันแน่ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค มีที่ไปที่มาอย่างไร ดังนั้นสังคมไทยควรจะยึดเหนี่ยวและศรัทธาการสร้างกระแสความเชื่อเรื่องลี้ลับเหล่านี้ว่าคือ อำนาจแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำหรับการปฏิบัติคุณงามความดีบูชาเป็นต้น ว่าทำความดีละเว้นความชั่วเป็นการบูชาแก่องค์พญานาคเพื่อเป็นมงคลกับชีวิต
    ขอบคุณข้อมูลจาก:/horoscope.thaiza.
  • พิธียกเสาโกเต้ง ยิ่งใหญ่ ภูเก็ตเริ่มเทศกาลถือศิลกินผักแล้ว

    พิธียกเสาโกเต้ง ยิ่งใหญ่ ภูเก็ตเริ่มเทศกาลถือศิลกินผักแล้ว

    พิธียกเสาโกเต้ง ยิ่งใหญ่ ภูเก็ตเริ่มแล้วเทศกาลกินเจ

    พิธียกเสาโกเต้ง ชาวภูเก็ต ปิดทองเสาโกเต้งก่อนประกอบพิธียก-อัญเชิญตะเกียงทั้ง 9 ช่วงค่ำ เริ่มต้นประเพณีถือศีลกินผักประจำปี ส่วนอิ้วเก้งแห่พระรอบเมืองศาลเจ้าจ้อสู่ก้งนาคาเริ่ม 10 ต.ค.วันแรก

    ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 8 ต.ค. ที่บริเวณลานพิธีกรรมศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยเต้าโบเก้ง ซอยภูธร ถ.ระนอง ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดและมีเหล่าม้าทรงชายหญิงมากที่สุดของ จ.ภูเก็ต ได้มีประชาชนและพี่น้องชาวภูเก็ตเชื้อสายจีนและไทย ต่างทยอยเดินทางมาปิดทองที่เสาโกเต้ง หรือเสาที่อัญเชิญตะเกียงทั้ง 9 ดวงขึ้นอยู่ยอดเสา

     

     

     

    ทั้งนี้มีพี่น้องประชาชนต่างหิ้วปิ่นโตมารับอาหารเจที่ศาลเจ้า และบางส่วนซื้อหาอาหารเจรับประทานที่บริเวณหน้าศาลเจ้า รวมถึงเลือกซื้อเสื้อผ้าสีขาว เพื่อใช้ในช่วงประเพณีถือศีลกินผักระหว่างวันที่ 9-17 ต.ค.อีกด้วย สำหรับกำหนดการประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ตประจำปี 61 หลังจากที่ศาลเจ้าต่างๆ ประกอบพิธียกเสาโกเต้งในช่วงเย็นวันที่ 8 ต.ค.แล้ว จะมีการประกอบพิธีอัญเชิญหยกอ๋องซ่งเต่ กิ๋วอ๋องไต่เต่ เหลงก้วนไตเต่ (มหาราชแห่งเทพเจ้าและพระราชาธิราชทั้งเก้าพระองค์) ในเวลาประมาณ 23.09 น. ของวันเดียวกัน ส่วนพิธี “อิ้วเก้ง” หรือแห่พระรอบเมืองภูเก็ตจะเริ่มในวันที่ 10 ต.ค.โดยศาลเจ้าจ้อสู่ก้งนาคา หรือศาลเจ้าฮุนจงอ๊ามจะประกอบพิธีแห่พระรอบเมืองเป็นศาลเจ้าแรก ซึ่งจะมีเหล่าม้าทรงแสดงอภินิหารใช้ของมีคมทิ่มแทงตามร่างกาย เพื่อเป็นการรับเคราะห์แทนพี่น้องชาวภูเก็ตและผู้เข้าร่วมประเพณีถือศีลกินผัก…

     

     

     

    และทันทีที่ม้าทรงองค์พระฝ่ายพิธีกรรมให้สัญญาณว่าถึงเวลา เสียงปี่กลองดังสนั่นไปทั่วศาลเจ้า ผู้ร่วมพิธีช่วยกันยกเสาโกเต้งต้นแรกขึ้นผูกกับแท่น จากนั้นอัญเชิญเหนี่ยวสั่ว (ร่มฉัตรจีน) และตะเกียงทั้ง 9 ดวงออกจากศาลเจ้าเพื่อไปผูกยึดกับปลายไม้ไผ่ ก่อนร่วมดึงขึ้นสู่ยอดเสา

    ขณะเดียวกัน บรรดาเหล่าม้าทรงองค์เทพต่างใช้อาวุธฟาดฟันทรมานร่างกายเพื่อแสดงอิทธิฤทธิ์เป็นที่น่าหวาดเสียว หลังพิธียกเสาโกเต้งเสร็จสิ้น ประชาชนต่างแยกย้ายไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และซื้อหาอาหารเจรับประทานที่บริเวณหน้าศาลเจ้า

     

     

    ประเพณีกินผัก (เจี๊ยะฉ่าย) ที่ชาวบ้านและชาวจีนที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ตเรียกกันว่า “เจี๊ยะฉ่าย” นั้น เป็นประเพณีที่คนจีนนับถือมาช้านาน โดยเฉพาะคนจีนฮกเกี้ยน คำว่า “เจี๊ยะฉ่าย” (กินผัก) เป็นภาษาท้องถิ่น วันประกอบพิธีตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ ตามปฏิทินจีนของทุกๆ ปี

    ในปีนี้งานประเพณีถือศีลกินผักภูเก็ต ยังได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา 22 เป็นมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นทางวัฒนธรรมประจำจังหวัดภูเก็ตและมรดกของชาติไทยอีกด้วย

     

     

    และส่วนกิจกรรมที่สำคัญ และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว และคนทั่วไป คือพิธีแห่พระรอบเมืองศาลเจ้าต่างๆ หรือ พิธีอิ้วเก้ง จะเริ่มวันที่ 10 ต.ค. ศาลเจ้าจ้อสู่ก้งนาคา หรือศาลเจ้าฮุนจงอ๊าม จะประกอบพิธีแห่พระรอบเมืองเป็นศาลเจ้าแรก ก่อนจะมีพิธีส่งพระ ในคืนสุดท้ายของประเพณีถือศีลกินผัก….

     

    https://youtu.be/hk_JmcxjQDU

     

     

    ขอบคุณข้อมูลจาก : ข่าวสด

    บทความที่น่าสนใจ : กินเจ เพื่ออะไร ? เทศกาลถือศีลกินผัก 9 วัน 9 คืน ประจำปี 2561

  • นทท.แห่ชมแสงแรก ดอยอินทนนท์ คึกคักอุณหภูมิ 7 องศาเซลเซียส เริ่มหนาวแล้วจร้าา

    นทท.แห่ชมแสงแรก ดอยอินทนนท์ คึกคักอุณหภูมิ 7 องศาเซลเซียส เริ่มหนาวแล้วจร้าา

    นักท่องเที่ยวแห่ชมแสงแรก ดอยอินทนนท์ คึกคักอุณหภูมิ 7 องศาเซลเซียส

    ดอยอินทนนท์ คึกคักอุณหภูมิ 7 องศาเซลเซียส นักท่องเที่ยวต่างเดินทางไปเที่ยวบนดอยดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามตามธรรมชาติและสัมผัสอากาศหนาวเย็น ขณะที่จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน อุณหภูมิกำลังเย็นสบาย 11-17 องศาเซลเซียส หลังจากที่ช่วงนี้พบว่าอากาศที่ดอยอินทนนท์เริ่มเย็นลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายฤดูฝนใกล้ย่างเข้าสู่ฤดูหนาว

     

     

    สภาพอากาศเช้าวันนี้ ท้องฟ้าเปิด อากาศแจ่มใส บริเวณยอดดอยมีหมอกบางๆ อุณหภูมิ บนยอดดอยอินทนนท์ อยู่ที่ 8-15 องศาเซลเซียส ส่วนที่จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน อุณหภูมิอยู่ที่ 11 องศาเซลเซียส ไม่มีฝนตก สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งสิ้นจำนวน 3,034 คน

     

     

    และปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เตรียมตัวมาดีมาก ทั้งเสื้อผ้ากันหนาว หมวกและรองเท้ากันลมหนาว เพื่อมาบันทึกภาพความประทับใจบริเวณป้ายสูงสุดแดนสยาม เส้นทางเดินธรรมชาติหลังพระสถูปเจดีย์เจ้าอินทนนท์ ซึ่งมีความสมบูรณ์ของป่าหนาวและนกประจำถิ่น นกอพยพจากเมืองหนาว และจุดที่มีทะเลหมอก

     

     

    แต่สำหรับเส้นทางเดินป่ากิ่วแม่ปานนั้น ขณะนี้ยังไม่เปิดให้เข้าชม แต่จะเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าสัมผัสความงามตามธรรมชาติของป่าในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ จึงขอให้นักท่องเที่ยวติดต่อจองมาล่วงหน้าเพื่อความสะดวก

     

     

     

    บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ : สวนน้ำวานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน จัดแคมเปญ “Mango Mania Buffet” เอาใจแมงโก้ เลิฟเวอร์

     

  • Unusual Café คาเฟ่ ที่ทำให้คุณรู้สึกหลุดไปอยู่ในโลกการ์ตูน

    Unusual Café คาเฟ่ ที่ทำให้คุณรู้สึกหลุดไปอยู่ในโลกการ์ตูน

    Unusual Café คาเฟ่ ที่ทำให้คุณรู้สึกหลุดไปอยู่ในโลกการ์ตูน

    Unusual-cafe อันสดใสและดูเหมือนว่าทุกๆคาเฟ่ทุกวันนี้กำลังพยายามตอบสนองความต้องการของคนที่หิวโหย จากคาเฟ่ทั้งหมดที่มีคุณค่าน่ารับประทานเรายกให้คุณเป็นร้านกาแฟที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนคุณเดินเข้าไปในการ์ตูน จากช่วงเวลาที่คุณข้ามหน้าประตูคาเฟ่คุณจะได้รับการต้อนรับจากหนังสือการ์ตูนที่ฉาบปูนทั่วทุกห้องจากผนังและพื้นไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์และอาหารดังนั้นคุณจึงไม่สามารถช่วยได้ แต่รู้สึกราวกับว่าคุณได้พบกับทางลับสู่ความจริง การ์ตูนโลก และทุกอย่างก็สมเหตุสมผลเนื่องจาก Café ได้รับแรงบันดาลใจจากรายการทีวีเกาหลี “W – Two Worlds” โดย Lee Jong-suk และ Han Hyo-joo ซึ่งเป็นตัวละครที่เข้าสู่โลกออนไลน์จินตนาการ น่าเสียดายถ้าคุณไม่ได้อาศัยอยู่ในเกาหลีใต้โดยเฉพาะในกรุงโซลคุณจะต้องใช้ความพยายามอีกเล็กน้อยเพื่อสัมผัสภาพลวงตาของการอยู่ในหนังสือ คาเฟ่ขนาดเล็ก แต่อบอุ่นที่เปิดในเดือนกรกฎาคมปีพ. ศ. 2560 และตั้งอยู่ในเขต Yeonman-dong ที่เป็นที่นิยมเรียกว่า Cafe Yeonnam-dong 239-20 ซึ่งเป็นที่อยู่ของคาเฟ่

    หากคุณเป็นแฟนของภาพประกอบหนังสือการ์ตูนหรือสถานที่อื่น ๆ โปรดตรวจสอบว่าได้วางคาเฟ่แห่งนี้ไว้ในกำหนดการเดินทางครั้งต่อไปที่คุณเยี่ยมชมกรุงโซล!

    ข้อมูลเพิ่มเติม: Instagram

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Credit by  boredpanda.com

    บทความอื่นๆ   สวนน้ำวานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน จัดแคมเปญ “Mango Mania Buffet” เอาใจแมงโก้ เลิฟเวอร์