หมวดหมู่: ตำนาน

  • วันทหารผ่านศึก 2562 ประวัติและกิจกรรมพร้อมที่มา

    วันทหารผ่านศึก 2562 ประวัติและกิจกรรมพร้อมที่มา

    วันทหารผ่านศึก 2562 ประวัติและกิจกรรมพร้อมที่มา

    วันทหารผ่านศึก เกิดขึ้นเพื่อระลึกถึงเกียรติภูมิของนักรบกล้าหาญ ตลอดจนเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดีและวีรกรรมของเหล่าทหารหาญที่ทำให้เราอยู่กันอย่างสงบสุขบนผืนแผ่นดินไทย   สำหรับประเทศไทยได้ส่งทหารเข้าร่วมรบในสงครามต่างๆ มาแล้ว โดยมีอนุสาวรีย์เชิดชูเกียรติ ปรากฏเป็นอนุสรณ์อยู่ ซึ่งวีรกรรมของนักรบไทยในการรบได้ขจรขจายไปทั่ว

    ปรากฏต่อสายตาชาวโลก นับเป็นโอกาสอันดีที่ชาวไทยจะได้แสดงความระลึกถึง และช่วยเหลือทหารผ่านศึกและครอบครัว ด้วยการซื้อดอกป๊อปปี้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารผ่านศึก ผู้กล้าหาญ และเสียสละ เพราะดอกป๊อปปี้เป็นดอกไม้ที่ระลึกสำหรับทหารผ่านศึกไทยเช่นเดียวกับในต่างประเทศ และมีการจำหน่ายในวันที่ระลึกทหารผ่านศึก ตั้งแต่ปี พ.ศ.2511 เป็นต้นมา

    เพราะเหล่าทหารกล้าที่ทำให้พวกเราชาวไทยมีอธิปไตยมีชาติ บ้านเมือง ให้ได้อยู่อาศัย ตราบชั่วลูกชั่วหลานจวบจนปัจจุบัน

    ความหมายของวันทหารผ่านศึก

    ความสำคัญของวันทหารผ่านศึกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ”   ซึ่งวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่วันทหารผ่านศึกเท่านั้น เพราะอนุสรณ์สถานอย่างอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จะต้องมีการวางพวงมาลา บุคคลสำคัญของประเทศเพื่อให้เหล่าชาวไทยได้ร่วมคารวะดวงวิญญาณของทหารหาญและเหล่าวีรชนคนกล้า ที่มีชื่อจารึกอยู่บนอนุสาวรีย์

    และเพื่อเป็นการเทิดเกียรติแก่คนเหล่านั้นที่ได้เสียสละชีพเพื่อชาติ และปกป้องอธิปไตยของชาติไทยในเหตุการณ์พิพาทระหว่างไทยและฝรั่งเศส ในการเรียกร้องดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงคืน

    วันทหารผ่านศึกของต่างประเทศ

    ทุกประเทศย่อมมีเหล่าทหารกล้า เพื่อเตรียมตัวป้องกันข้าศึก และออกรบในยามที่เกิดสงคราม ซึ่งที่ผ่านมาไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย ที่มีเหล่าทหารกล้ายอมพลีชีพในหน้าที่ของตัวเองในสนามรบ เพราะทหารผ่านศึกเหล่านี้ต่างมีบุญคุณต่อชาติบ้านเมือง แต่ละประเทศจึงได้จัดงานเทิดเกียรติขึ้นมา ซึ่งของเมืองนอกก็มีเช่นกัน โดยอาจจะจัดเป็นขบวนพาเรด จากเหล่าทหารกล้า นักเรียนนายร้อย หรือเตรียมทหารที่จะมาเดินสวนสนาม โดยมีรถตำรวจ และรถดับเพลิงร่วมขบวน และมีประชาชน รวมถึงเหล่าอดีตทหารผ่านศึก มาร่วมชมขบวนแห่นี้ด้วย

    วันที่ใช้จัดงานวันทหารผ่านศึก

    ทุกวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของทุกปี ร่วมระลึกและเชิดชูเกียติแก่เหล่าทหารกล้า ด้วยการซื้อดอกป๊อบปี้สีแดง

    กิจกรรมในวันทหารผ่านศึก

    กิจกรรมในวันทหารผ่านศึก ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลและประชาชนชาวไทยยังคงระลึกถึงและไม่ลืมเลือน วีรกรรมที่เหล่าวีรชนทหารผ่านศึกได้เคยทำเพื่อชาติ แผ่นดิน และเพื่อคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งในแต่ละปีเหล่าชาวไทย ร่วมน้อมรำลึกถึงเพื่อเชิดชูเกียรติเหล่าทหารกล้า…นักรบของแผ่นดิน

    • จัดนิทรรศการ

    ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา มีเหล่าทหารกล้าผู้ซึ่งเสียสละแม้กระทั่งชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยและอธิปไตยของชาติ การจัดนิทรรศการเพื่อเผยแพร่วีรกรรมของทหารผ่านศึก เพื่อเชิดชู ยกย่องเกียรติและความกล้าหาญ ที่เหล่าทหารสามารถปกป้องผืนแผ่นดินไทยนี้ไว้ได้

    • วางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

    วันทหารผ่านศึกมีเหล่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หน่วยงานของรัฐบาล และเอกชน นิสิตนักศึกษา และประชาชนทั่วไป ต่างพร้อมใจกัน เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา และบำเพ็ญกุศลให้กับนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ที่เสียสละชีวิตเพื่อความสงบสุขของ ประเทศชาติ ซึ่งในวันทหารผ่านศึกของทุกปี องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกจะจัดพิธีวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อเป็นการแสดงความคารวะต่อดวงวิญญาณของเหล่านักรบผู้กล้า มีการประกอบพิธีวางพวงมาลา บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และพิธีเทิดไท้องค์ราชันย์ การเดินแถวของทหารผ่านศึก พิธีสวนสนามสดุดีทหารผ่านศึก ณ ลานอเนกประสงค์ กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ การเชิญหมู่ธงไตรรงค์ และหมู่ธง 6 กรณีสงคราม เพื่อเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึกดีเด่น

    • จำหน่ายดอกป๊อปปี้ 

    จำหน่ายดอกป๊อปปี้ เพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือทหารผ่านศึก การนำเอาผลผลิตของทหารมาจำหน่ายกับประชาชน ถือเป็นการบริจาคช่วยเหลือทหารผ่านศึก ซึ่งการทำดอก ป๊อปปี้ ออกไปขายสู่ประชาชน อาจมีการตั้งกองทุนขึ้นทุกๆปี

    • จัดงานทั่วประเทศ

    ตามสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศได้ร่วมกันจัดงานในวันทหารผ่านศึก เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมและคุณงามความดีของเหล่าทหารกล้าที่พลีชีพเพื่อชาติ และเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึก รวมทั้งการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่ดวงวิญญาณของบรรดาทหารผ่านศึกผู้ล่วงลับไปแล้ว

    สิ่งที่ควรทำให้กับทหารผ่านศึก

    ชาวไทยทุกคนต่างรำลึกในวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของวีรชนไทย ซึ่งการให้การสนับสนุนและความช่วยเหลือเหล่าทหารผ่านศึก ถือเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติยิ่ง

    1. เข้าถึงปัญหาเหล่าทหาร
    2. เข้าใจถึงสภาพจิตใจ
    3. สนับสนุนให้มีรายได้
    4. ช่วยเหลือเรื่องที่ดินทำกิน

     

     

     

    ขอบคุณบทความจาก : myhora

    บทความอื่นที่น่าสนใจ : ประกาศราชกิจจาฯ!!!พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์

  • โฉมหน้านักแสดง เทเลทับบี้ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้

    โฉมหน้านักแสดง เทเลทับบี้ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้

    โฉมหน้านักแสดง เทเลทับบี้ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้

    ‘เทเลทับบี้ส์’ ใช่แล้วคะ เรากำลังพูดถึง ‘เอ๊ะโอ…ได้เวลาสนุกแล้วสิ’ หลายคนคงร้องอ๋อกันแล้วใช่ไหมคะ ?

    แต่กี่คนจะรู้ว่าเจ้าเทเลทับบี้ส์ 4 พี่น้องนั้น เหตุผลที่มีสีสันและสัญลักษณ์บนหัวต่างกันออกไปนั้นมันมีเหตุผลลึกซึ้งมากกว่าที่คุณคิดนะคะ ไม่ใช่ว่าจะเป็นเพียงแค่การ์ตูนเด็กๆ ที่เอาพุงมาชนกันแล้ว โอ๋กันไปโอ๋กันมา แบบที่เราเห็นเท่านั้น เรามาลองดูกันคะว่า 4 พี่น้อง เขามีการสื่อถึงอะไรบ้าง…..

    • ทิงกี้-วิงกี้ >> Simon Shelton

    เทเลทับบี้ส์เพศชาย ตัวสีม่วง มีสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมอยู่บนหัว ชอบถือกระเป๋าสีชมพูออกมาเดินเล่นในสวน มองไปมองมาก็แอบรู้สึกว่าเอ๊ะ ทิงกี้วิงกี้นี่เหมือนเกย์เลยเนอะ ใช่แล้วค่ะ เราเข้าใจไม่ผิดจริงๆ (เรดาร์ยังใช้ได้ดีอยู่ ฮ่าๆ) ทิงกี้วิงกี้เป็นตัวแทนของ รักร่วมเพศ คะ เป็นตัวแทนทวีปยุโรป เป็นพี่ใหญ่สุด  สีม่วงสื่อถึงความเก่าแก่

    ล่าสุดลูกชายของ Simon นักแสดงผู้รับบท ทิงกี้-วิงกี้ ออกมาประกาศว่า คุณพ่อของเขาเสียชีวิตแล้ว ด้วยวัย 52 ปี ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2561 หลังจากวันเกิดของเขาเพียง 4 วัน ทาง CheezeBite ขอแสดงความเสียใจด้วยคะ

    • ดิ๊ปซี่ >> John Simm

    เทเลทับบี้ส์เพศชาย หน้าดำตัวสีเขียว มีสัญลักษณ์เป็นแท่งยาวๆ อยู่บนหัว ชอบใส่หมวกออกมาเดินเล่นหยอกล้อกับพระอาทิตย์ในสวน หลายคนก็คงแอบสงสัยว่าทำไม ดิปซี่ถึงหน้าดำอยู่ตัวเดียว ทั้งที่พี่น้องตัวอื่นก็หน้าขาวกันหมด ? หรือดิปซี่จะโดนแดดเยอะเกิน ? ไม่ใช่นะคะ อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น จริงๆแล้ว ดิปซี่เป็นตัวแทนของ คนผิวสี ค่ะ

    ดิ๊ปซี่  เป็นตัวแทนทวีปอัฟริกา  สีเขียวสื่อถึงธรรมชาติ  (จึงมีหน้าผิวสีเข้มกว่าชาวบ้าน)

    • ลาล่า >> Nicky Smedley

    เทเลทับบี้ส์เพศหญิง ตัวสีเหลือง มีสัญลักษณ์โค้งหมุนวนเป็นวงกลมอยู่บนหัว ชอบเดินถือลูกบอล วิ่งเล่น ลั้นล้าไปทั่วสวน จนเราก็แอบสงสัยว่า ไม่เหนื่อยหรอลาล่า ทำไมถึงเล่นได้เล่นดีขนาดนี้ ฮ่าๆ ลาล่าจึงเป็นตัวแทนของเพศหญิง ความสมบูรณ์ และการเปลี่ยนแปลง

    ลาล่า  เป็นตัวแทนทวีปเอเซีย  หน้าลาล่าจะออกผิวเหลือง  สีเหลืองของลาล่าก็สื่อทองคำที่ชาวเอเซียนิยม

    • โพ >> Pui Fan Lee

     

    เทเลทับบี้ส์เด็กน้อยไร้เดียงสา ตัวสีแดง มีสัญลักษณ์วงกลมอยู่บนหัว ชอบไถ่สกู๊ตเตอร์เล่นไปทุกที่ (เท่าที่จะไปได้) ไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือในสวน เรียกชื่อตัวเองซ้ำไปซ้ำมา โพ โพ โพ โพ… ดูกีทีโพก็เป็นเด็กจริงๆแหละครับ จึงเป็นตัวแทนของเด็กและยังสื่อถึงคนออทิสติกอีกด้วยครับ

    โพ  เป็นตัวแทนทวีปอเมริกา  สีแดงก็สื่อถึงความสดใหม่

    แถบอีกกับ ทารกน้อยพระอาทิตย์ในเทเลทับบี้

    หลายคนคงยังจำกันได้ สำหรับภาพของทารกน้อย หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างสนุกสนานในดวงอาทิตย์ ที่คอยเฝ้ามองเหล่าเทเลทับบี้อันประกอบด้วย  ทิงกี้ วิงกี้, ดิปซี่, ลาล่า และโพ  ในการ์ตูนยอดฮิตขวัญใจเด็กๆ  เทเลทับบี้ ที่ในปัจจุบันได้โตเป็นสาวเเละแต่งงานมีครอบครัวไปเเล้ว เจสสิกา สมิธ คือคนทีรับบทเป็นทารกน้อยในพระอาทิตย์ ปัจจุบันอายุ 27 ปี เธอเป็นที่รู้จักจากการเล่นซีรีส์เทเลทับบี้ ปัจจุบัน เจสสิกา สมิธ ได้แต่งงานและมีลูก 2 คน เป็นผู้หญิง 1 คน ผู้ชาย 1 คน อาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา พร้อมกับครอบครัวของเธอ….

     

     

     

    ขอบคุณบทความจาก : brandthinkbiz

    บทความอื่นที่น่าสนใจ : มาทำความรู้จัก10 การ์ตูน ยอดฮิตของเด็กยุค 90’s

  • 16 มกราคม พ.ศ. 2562 ประวัติพร้อมความหมาย

    16 มกราคม พ.ศ. 2562 ประวัติพร้อมความหมาย

    16 มกราคม พ.ศ. 2562 ประวัติพร้อมความหมาย

    16 มกราคา คำขวัญวันครู 2562  พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้คําขวัญวันครู เนื่องในโอกาสวันครูแห่งชาติ ครั้งที่ 63 หรือ วันครู 2562 ไว้ว่า “ครูดี ศิษย์ดี มีพัฒนา ก้าวหน้า สู่เทคโนโลยี”

    เดือนมกราคมเวียนมาถึงอีกครั้ง บรรดานักเรียนทั้งหลายคงจำกันได้ดีว่า วันที่ 16 มกราคม ของทุกปี เป็นวันครู ที่กำหนดขึ้นเพื่อให้ลูกศิษย์ทั้งหลายระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ที่ได้สอนสั่งอบรมวิชาให้เรา….

    ประวัติความเป็นมาของวันครู

    วันครู มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ. 2488 ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า คุรุสภาเป็นนิติบุคคลให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความ เห็นเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษา ควบคุมจรรยาและวินัยของครู รักษาผลประโยชน์ ส่งเสริมฐานะของครู จัดสวัสดิการให้ครูและครอบครัวได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู

    ด้วยเหตุนี้ในทุก ๆ ปี คุรุสภาจะจัดให้มีการประชุมสามัญ คุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูจากทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา และซักถามปัญหาข้อข้องใจต่าง ๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของ คุรุสภาโดยมีคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบ ข้อสงสัยสถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุมสามัคคยาจารย์ หอประชุมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในระยะหลังใช้หอประชุมคุรุสภา ปี พ.ศ. 2499 ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้กล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า

    “ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือ ว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมี บุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าวันครูควรมีสักวันหนึ่งสำหรับให้บันดาลูกศิษย์ทั้งหลาย ได้แสดงความเคารพสักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณทั้งหลาย เพราะเหตุว่าสำหรับคนทั่วไปถ้าถึงวันตรุษ วันสงกรานต์ เราก็นำเอาอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการ ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง”

    จากแนวความคิดนี้ กอปรกับความคิดเห็นของครูที่ แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่น ๆ ที่ล้วนเรียกร้องให้มีวันครูเพื่อให้เป็นวันแห่งการรำลึกถึงความสำคัญของครู ในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ ประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นอันมาก ในปีเดียวกันที่ประชุมคุรุสภาสามัญประจำปีจึงได้พิจารณาเรื่องนี้และมีมติ เห็น ควรให้มีวันครูเพื่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป โดยได้เสนอหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพาจารย์ ส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครูและเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างครู กับประชาชน

    ในที่สุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2499 ให้วันที่ 16 มกราคมของทุกปีเป็น “วันครู” โดย เอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2488 เป็นวันครูและให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดัง กล่าวได้

    คำปฏิญาณตนของครู มีดังนี้

    ข้อ 1. ข้าจะบำเพ็ญตนให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นครู

    ข้อ 2. ข้อจะตั้งใจฝึกสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ

    ข้อ 3. ข้าจะรักษาชื่อเสียงของคณะครูและบำเพ็ญตนให้เป็น ประโยชน์ต่อสังคม

    จรรยามารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีของครู

    เลื่อมใสการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ

    ยึดมั่นในศาสนาที่ตนนับถือ ไม่ลบหลู่ดูหมิ่นศาสนาอื่น

    ตั้งใจสั่งสอนศิษย์และปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เกิดผลดีด้วย ความเอาใจใส่ อุทิศเวลาของตนให้แก่ศิษย์ จะละทิ้งหรือ ทอดทิ้งหน้าที่การงานไม่ได้

    รักษาชื่อเสียงของตนมิให้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว ห้าม ประพฤติการใด ๆ อันอาจทำให้เสื่อมเสียเกียรติและชื่อเสียง ของครู

    ถือปฏิบัติตามระเบียบและแบบธรรมเนียมอันดีงามของสถาน ศึกษา และปฏิบัติตามคำสั่งของ ผู้บังคับบัญชา ซึ่งสั่งในหน้า ที่การงาน โดยชอบด้วยกฎหมาย และระเบียบแบบแผนของ สถานศึกษา

    ถ่ายทอดวิชาความรู้โดยไม่บิดเบือนและปิดบังอำพราง ไม่นำ หรือยอมให้นำผลงานทางวิชาการของตนไปใช้ในทางทุจริต หรือเป็นภัยต่อมนุษย์ชาติ

    ให้เกียรติแก่ผู้อื่นทางวิชาการโดยไม่นำผลงานของผู้ใดมาแอบ อ้างเป็นผลงานของตนและไม่เบียดบังใช้แรงงานหรือนำผลงาน ของผู้อื่นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตน

    ประพฤติตนอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติหน้าที่ของตน ด้วยความเที่ยงธรรมไม่แสวงหาประโยชน์สำหรับตนเอง หรือ ผู้อื่นโดยมิชอบ

    สุภาพเรียบร้อยประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ รักษาความลับของศิษย์ของผู้ร่วมงานและของสถานศึกษา

    รักษาความสามัคคีระหว่างครูและช่วยเหลือกันในหน้าที่ การงาน

    บทสวดเคารพครู

    (สวดนำ)

    ปาเจราจริยาโหนฺติ (รับพร้อมกัน) คุณุตฺตรานุสาสกา

    ปญฺญาวุฑฺฒิกเร เต เต ทินฺโนวาเท นมามิหํ

    สวดทำนองสรภัญญะ

    (สวดนำ)

    อนึ่งข้าคำนับน้อม (รับพร้อมกัน) ต่อพระครูผู้การุณย์

    โอบเอื้อและเจือจุน อนุศาสน์ทุกสิ่งสรรพ์

    ยัง บ ทราบก็ได้ทราบ ทั้งบุญบาปทุกสิ่งอัน

    ชี้แจงและแบ่งปัน ขยายอรรถให้ชัดเจน

    จิตมากด้วยเมตตา และกรุณา บ เอียงเอน

    เหมือนท่านมาแกล้งเกณฑ์ ให้ฉลาดและแหลมคม

    ขจัดเขลาบรรเทาโม หะจิตมืดที่งุนงม

    กังขา ณ อารมณ์ ก็สว่างกระจ่างใจ

    คุณส่วนนี้ควรนับ ถือว่าเลิศ ณ แดนไตร

    ควรนึกและตรึกใน จิตน้อมนิยมชม

     

     

     

    ขอบคุณบทความจาก : educatepark

    บทความอื่นที่น่าสนใจ : มาดูกันความแตกต่างระหว่าง เด็กในอดีต vs เด็กปัจจุบัน

  • กิจกรรม วัยรุ่นยุค90’s ที่สูญพันธ์ุไปแล้ว…

    กิจกรรม วัยรุ่นยุค90’s ที่สูญพันธ์ุไปแล้ว…

    กิจกรรม วัยรุ่นยุค90’s ที่สูญพันธ์ุไปแล้ว…

    วัยรุ่นยุค 90’s คืออะไรกันน๊าาา!!  ถ้าให้น้องๆ ลองนึกถึงไลฟ์สไตล์วัยรุ่นสมัยนี้ นึกออกมั้ยละว่ามีอะไรที่อินเทรนด์บ้าง เทรนด์หลายๆ เทรนด์ บางคนอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา จนไม่คิดว่ามันผิดปกติอะไร ใครๆ เค้าก็ทำกัน

    แต่ถ้าลองนึกย้อนไปสักยี่สิบปี สมัยคุณอายังเป็นหนุ่มสาว ยุคที่ไม่มีโซเชียลฯ ไม่มีไอโฟนหรือมือถือด้วยซ้ำ แล้วเค้าฮิตอะไร ไลฟ์สไตล์จากยุคนั้น เปรียบเทียบกับยุคนี้ เปลี่ยนไปแค่ไหนไป วันนี้เราจะพาน้องๆ ย้อนยุคไปกับทุกเทรนด์ฮิตในอดีตกันคะ…

    • เกมบอยจอขาวดำ

    ของเล่นในตำนานที่เด็กทุกบ้านต้องมี รุ่นออริจินอลต้องปี 1989 เป็นครื่องสีเทา ปุ่มสีม่วง หน้าจอขาว-ดำ

    • สะสมตั๋วรถเมล์เพื่อเอามาพับดาวกระดาษ

    ก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงเขายังเล่นกันอยู่หรือเปล่า ที่เอาเลขท้ายสองตัวบนตั๋วรถเมล์มาบวกกันแล้วหารสอง ถ้าลงเลขคู่-ว่าเขาคิดถึงเรา เลขคี่=เราคิดถึงเขา แล้วถ้าได้เลขพิเศษอะไรสักอย่าง แสดงว่าเราและเขาคิดถึงกัน ฟังดูติงต๊องชิบหาย แต่การที่คนเราหาความสนุกเล็กๆ น้อยๆ กับของไร้ค่าแบบนี้ได้ แสดงถึงการเป็นคนมีสุขภาพจิตดี

    แต่ที่ไม่เข้าใจจนถึงบัดนี้ คือการเอาตั๋วรถเมล์มานั่งพับดาวกระดาษห้าร้อยดวงหรือมากกว่า เพื่อใส่โหลเอาไปให้หนุ่มที่แอบชอบ ข้อดีของการไม่มีอินเตอร์เน็ตคือเรามีเวลาเหลือเยอะแยะ แต่ข้อเสียคือ คนบางคนมันก็เอาเวลามานั่งพับดาวกระดาษ! บางคนก็เขียนการ์ดแนบมาว่า อยากทำมาให้เธอ ให้เธอรู้สึกดี ให้ดาวกระดาษนี้เป็นเพื่อนเธอ”

    • อัดเทปรวมเพลงฮิต (Mixed Tape)

    จะทำได้ต่อเมื่อมีวิทยุสองหัวเทป ซึ่งแพงมาก ไม่อย่างนั้นก็ต้องมีเทปเปล่า stand-by อยู่ในวิทยุไว้คอยกดอัดเพลงรายการวิทยุตอนทำการบ้าน แต่ก็จะหงุดหงิดหน่อยเวลาติดเสียงดีเจตอนหัวเพลง แต่จะให้ทำไงได้ อยากฟังเพลงแต่เทปเพลงไทยตั้งม้วนละ 80 บาท บางทีชอบแค่เพลงเดียว ค่าขนมได้แค่วันละ 40 บาท เดือนนึงซื้อสามม้วนก็เก่งแล้ว

    และถ้าจะให้เซียน เขาต้องกะเวลาให้พอดีไม่ให้เทปหมดกลางเพลง หรือมีเนื้อเทปเหลือหลังเพลงสุดท้าย แต่ถ้าไม่อยากทำเอง บางทีแผงเทปตามข้างทางหรือในตลาด (ใช่แล้ว เมื่อก่อนข้างทางและในตลาดสดมีแผงเทปเป็นเรื่องปกติ) เขาก็มีบริการรับอัดเทปรวมฮิตตามลิสต์ที่สั่ง ม้วนละร้อยถ้าจำไม่ผิด….

    • ถ่ายรูป

    อินเทรนด์สุดๆ หลุดจากยุคกล้องฟิล์มมาได้ ก็ต้องเริ่มใช้กล้องดิจิตอลเลยจ้า แต่สมัยนั้นนะ กล้องแพง ใช่ว่าใครก็เล่นได้ เลยผุดบริการถ่ายรูปในร้าน U-Smile PhotoMe Snow White ที่สยาม จัดร้านให้เหมือนสตูดิโอถ่ายภาพมีมุมต่างๆ พร้อมพรอพประกอบฉาก โพสต์ท่าเล่นกันเพลิน  จากนั้นจะจ่ายเงินอัดรูปกับที่ร้าน หรือจะซื้อเป็นไฟล์ซีดีกลับบ้านก็ได้ แก๊งเพื่อนนี่พลาดไม่ได้จริงๆ!

    • ดูหนัง ดูละคร

    อยากดูเรื่องไหน ต้องตามไปดูที่โรงภาพยนตร์ ไม่งั้นต้องรอเก็บไปเช่าที่ร้านวิดีโอ ละครก็ตามดูจากทีวีช่อง 3, 5, 7, 9 ผูกขาดอยู่แค่นี้ ถ้าพลาดไป ก็ไปหาอ่านย้อนหลังได้จากนิตยสารเรื่องย่อละครเอาแล้วกัน

    • แชทหาเพื่อน

    จะหาเพื่อนหรือแฟนใหม่ให้อินเทรนด์ทั้งที ต้องนี่ “โปรแกรมแชทยอดฮิตพิชิตรัก” อย่าง Pirch  หรือ ICQ เข้าห้องแชท แล้วหาคนคุยเลยจ้า ถูกคอปั๊บ รับแฟนไปเลย (แต่ก็ใช่ว่าจะได้แฟน ได้เพื่อนกันทุกคน เพราะคนที่มาเป็นมิจฉาชีพก็เยอะ โดนหลอกไปก็แยะ อันตรายไม่ต่างจากทุกวันนี้เลย)

    • กระเป๋านักเรียน Jacob

    ยิ่งเก่ายิ่งเก๋า ยิ่งแบนยิ่งเก๋ บางคนซื้อมาใหม่ๆ ยั๊งต้องเอาไปทับไว้ใต้เตียง หนีบเพิ่มด้วยคลิบดำยิ่งแน่น ถือไปเก๋ๆ เพราะความจริงใส่ปากกาได้ไม่กี่แท่ง สมุดอย่างเก่งก็บางๆ แค่ 2 เล่ม

    • โทรศัทพ์ PCT

    โทรศัพท์เคลื่อนที่ในตำนาน ที่ต้องไปต่อคิวจองไม่แพ้ไอโฟน โทรทีครั้งละ 3 บาท เรื่องสัญญานี่ไม่ต้องห่วง เพราะขยับตัวเมื่อไหร่ หายไปเลยจ้าาา 555

    • เข็มขัด DOMON

    ถ้าคุณไม่เคยผ่านการใช้เข็มขัดโดมอนมา เราเชื่อว่าคุณเป็นเด็กเรียนตัวจริงที่ไม่เคยทำผิดระเบียบ จาร์คอบเป็น Must Have ไอเท็มแค่ไหน เข็มขัดโดมอนเองก็ไม่ต่าง

     

     

     

     

    ขอบคุณข้อความจาก : cleothailand

    บทความอื่นที่น่าสนใจ : หวนวันวาน กับ 11 การ์ตูน ย้อนวัยเด็ก การ์ตูนแห่งความทรงจำ (ในตำนาน)

     

     

  • นักบุญ ในคราบคนบาป! หมอพื้นบ้านเด็กแนวหัวใจเทวดา

    นักบุญ ในคราบคนบาป! หมอพื้นบ้านเด็กแนวหัวใจเทวดา

    นักบุญ ในคราบคนบาป! หมอพื้นบ้านเด็กแนวหัวใจเทวดา

    หมอพื้นบ้านเด็กแนวหัวใจเทวดา ศุภฤกษ์ ชาญเชิดศักดิ์ หรือ คุณหมอเสือ ชื่อของคุณหมอท่านนี้ อาจมีหลายคนที่รู้จักแล้วและคงอีกหลายคนมากเช่นกันที่ยังไม่รู้จักนะคะ แต่ชื่อ นี้มีความหมาย เป็นอย่างมาก นอกเหนือจากพ่อ แม่ น้า พี่น้อง และครอบครัวญาติสนิทมิตรสหายทุก ๆ ท่านแล้ว เราถือว่าคุณหมอเสือเป็นผู้มีพระคุณอีกท่านนึงกับชีวิตเลยนะ

    เพราะคุณหมอได้สร้างปาฏิหาริย์ให้กับคนป่วยที่ไม่สบายอย่าง ให้กลับมาหายดีเป็นปกติ และได้พบกับมิตรภาพดีๆที่จะยั่งยืนตลอดไป ทั้งจากคุณหมอและครอบครัวที่แสนน่ารักของคุณหมอด้วยคะ…..

    ในวัยสามสิบ นาย ศุภฤกษ์ ชาญเชิดศักดิ์ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทั้งดีและร้ายตามวิถีคนหนุ่มผู้แนวแน่ในทางของตัวเอง ขณะที่ชีวิตอีกด้านก็ได้สืบทอดวิชาความรู้ศาสตร์บรมครูการรักษาที่ทำให้ไทยไม่สิ้นชาติและไม่น้อยกว่าชาติใดๆ ในโลก อย่างชำนิชำนาญจนน่าอัศจรรย์ใจแก่โลกยุคใหม่

    ด้วยภาพลักษณ์ภายนอกสักเต็มตัว ทำให้เรารู้สึกสนอกสนใจคุณหมอหนุ่มผู้นี้ บวกกับศาสตร์การรักษาพื้นบ้านโบราณดั้งเดิม ยิ่งจูงใจให้เราก้าวเข้าไปเพื่อสนทนาด้วย….

    “หมอเสือ” นักบุญในคราบคนบาป

    วิชาความรู้หมอพื้นบ้านมันอยู่ในสายเลือด คือตั้งแต่ปู่ทวดเป็นหมอที่มีชื่อเสียงดังมากจากประเทศจีน ก็หนีการเมืองในยุคปฏิวัติการเมืองโดยลี้ภัยอพยพกันทั้งครอบครัวเข้ามาอยู่ในประเทศไทย พอการเมืองที่นั่นสงบลงท่านก็กลับไปคนเดียว ให้อาม่ากับลูกๆ อยู่ที่เมืองไทยโดยไม่กลับมาเหลียวแล

    ปู่ของผมซึ่งเป็นลูกชายคนโตจึงไม่เอ่ยถึงและแอนตี้ทุกอย่างที่เป็นแบบคุณปู่ ยกเว้นเสียแต่คนในครอบครัวมีอาการเจ็บป่วย ท่านก็จะปรุงสมุนไพรในความรู้ที่ได้จากทวดรักษา ด้วยเหตุนี้อาจจะทำให้แม้ว่าพอท่านมีครอบครัวมีชีวิตตามวิถีทางของท่าน แต่พ่อผมก็ได้รับความซึมซับตรงนั้นทำให้ทุกอย่างกลับตาลปัตรมันเหมือนอยู่ในสายเลือดที่ทำให้พ่อผมอยากเป็นหมอ

    ท่านก็เริ่มเดินทางตั้งแต่แก่อายุ 12 ปี ทั่วประเทศไทย หาหมอพื้นบ้านเอย หมอหลวงต่างๆ เอย กระทั่งพระต่างๆ ที่เก่งๆ เพื่อเรียนรู้ศึกษาศาสตร์นี้ไม่ต่ำกว่าร้อยคน หนึ่งในนั้นคือ พระสหายของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาแพทย์พื้นบ้านให้ท่าน

    มอเสือ เล่าย้อนความถึงจุดเริ่มต้นการสืบทอดแพทย์แผนพื้นบ้านของตระกูล “ชาญเชิดศักดิ์” แห่งวัดพิกุลเงิน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี 

    ผมก็จะได้รับความรู้ตั้งแต่เด็กๆ เพราะทุกๆ วันท่านจะตรวจแล้วพูดดังๆ ให้เราซึมซับว่ามันเป็นแบบนี้ถึงเกิดโรคนี้ สาเหตุแบบนั้นก่อโรคนั้น ชีวิตก็เป็นแบบนั้นเรื่อยมา จนกระทั่งอายุราวๆ 7-8 ขวบ เราก็ช่วยท่านทำการรักษา เนื่องจากโตแล้วถ้าไม่ช่วยก็จะไม่ได้เงินค่าขนมไปโรงเรียน ก็จำใจทำช่วยรักษา

    เวลาผ่านไป 3 ปีเต็มๆ กลับการอยู่ครองสมณเพศด้วยความสุขกายสบายใจในสิ่งที่ตัวเองเลือก จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญก็เดินเข้ามาทักทาย จุดเปลี่ยนนั้นมักรอเราอยู่ที่ใดที่หนึ่งเสมอ และสำหรับเด็กแนวผู้มีโลกทัศน์เป็นตัวของตัวเอง จุดจุดนั้นมาถึงเขาขณะที่ความพร้อมในสิ่งที่อยากให้เกิดมาขนานคู่กับสิ่งที่ไม่อยากให้มา

    คือถ้าเราเอาความรู้ความคิดที่มีมาอยู่ช่วยเขาจะไม่เหนื่อยและอาจจะอยู่ทุกวันนี้ ยืดอายุของท่านไปอีก 5 ปี หรือ 10 ปี แต่เราไม่ทำ คุณพ่อท่านได้พักแล้ว ท่านเสียชีวิต และคำพูดสุดท้ายก่อนที่ท่านสิ้นใจ เปรยกับคุณแม่ว่า “ถ้าฉันไม่ตาย ลูกฉันจะไม่ได้ดีแล้วมายืนแทนที่ฉัน

    ทีนี้ในขณะที่เรากำลังคิดถึงสิ่งที่แก้ไขไม่ได้แล้ว คนไข้เก่าของคุณพ่อที่ยังต้องรักษาอย่างต่อเนื่องก็เข้ามาขอให้เราช่วยเขาต่อ เราเป็นพระก็ต้องช่วย ก็ต้องทิ้งชีวิตที่เรามีความสุข ที่เราแสวงหา ออกมาเพื่อที่จะรักษาคนและสานฝันต่ออุดมการณ์ของคุณพ่อเพื่อไถ่บาปที่เราได้กระทำไม่ดี ทั้งเกเรตามประสาช่วงวัยรุ่น การทิ้งให้ท่านแบกภาระหนักอยู่คนเดียวในทางนี้

    “ให้-มอบ-อุทิศ” 
    ชีวิตคำว่า “หมอ” หนึ่งเดียวไม่มีสอง

    พอได้ช่วยเหลือมันเปลี่ยนเราไปเป็นอีกคนเลย การได้เป็นผู้ให้อย่างแท้จริง ไม่สำคัญว่าเราจะได้รับอะไรตอบแทนกลับมา แต่เรารู้ว่าการที่เราลงมือทำได้ช่วยเหลือและเปลี่ยนแปลงชีวิตคนคนหนึ่ง และที่สำคัญมันที่ไม่ใช่เพียงคนคนหนึ่งให้ดีขึ้น มันส่งต่อไปถึงครอบครัวของเขา หากเป็นลูกก็ดั่งแก้วตาดวงใจ เป็นพ่อก็เสมือนเสาหลักของครอบครัวที่จะขาดไปไม่ได้ เรามีกำลังเรามีความรู้ในการช่วยเหลือ เราไม่ช่วยแล้วเขาจะเป็นอย่างไร 

    เรารู้เลยว่าพ่อเรานั้นเขายิ่งใหญ่มาก จริงๆ คนที่จะมีชื่อเสียงในวันนี้ควรที่จะเป็นเขามากกว่าเป็นผม

    แต่วันวานมิอาจย้อนคืนมา หนทางข้างหน้าเมื่อลูกไม้ไม่ไกลต้น แก่นและลำย่อมแตกก้านสาขาใบให้ร่มเย็นเฉกเช่นเดียวกัน…

    • ขั้นตอนการรักษานอกจากวินิจฉัยอาการเบื้องต้นในส่วนของการจ่ายยารักษาของเราแพทย์พื้นบ้านเป็นอย่างไร 

    แบ่งออกเป็น 2 ประเภทของยา 1. ซ่อมแซมร่างกาย 2. ไปแก้อาการที่กำลังออกฤทธิ์สร้างความเจ็บป่วย

    • ศาสตร์แพทย์พื้นบ้านไม่ได้ต่างกันกับศาสตร์แพทย์แขนงอื่น

    แพทย์แผนปัจจุบันก็คือการนวัตกรรม ผมก็ทำการนวัตกรรมอย่างนี้ ผมก็เรียกว่าแพทย์แผนปัจจุบันได้เหมือนกันสิ มันไม่ได้ต่างกัน ของผมก็สามารถรักษาได้ทั้งหมด มีการคิดค้นยาใหม่ รักษาด้วยยาใหม่ ตั้งชื่อยาใหม่ตั้งแบบตามชื่อผู้ป่วยที่เขานิยมกันผมก็ทำ อย่างโรคเรื้อนผมรักษาหายด้วยตัวยาใหม่ คนไข้ชื่อแบงค์ ก็ตั้งชื่อยาว่าชื่อไอ้แบงค์ คือเรียกง่ายๆ  แบบเดียวกับอายุกรรมทั่วไป ป่วยเป็นอะไรมา เบาหวาน ความดัน มะเร็ง โรคพุ่มพวง (โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือโรค SLE) เราจะเริ่มรักษาตั้งแต่เล็กๆ ไปจนถึงแก่จะเข้าโลง รักษาทุกโรค ยกเว้นโรคเดียวคือ HIV เท่านั้นยังไม่สามารถรักษาได้ ไล่เท่าไหร่ก็ยังไม่จนกับเชื้อ

    ะต่างกันก็เพียงตรงที่การเรียกและรูปแบบของสถานที่ทำการรักษา ราคา บางคนไม่มีเงินผมก็รักษาให้ แต่แปลกที่คนจนจะน้ำใจใหญ่กว่า ไม่มีวันนี้เดี๋ยววันหน้าเขาตั้งตัวได้แล้วเขาก็จู่ๆ เอามาให้โดยที่เราลืมไปแล้ว แบบนี้มีบ่อย คนมีเงินปานกลาง คนรวย มักจะมองว่าแพงมองว่าไม่คุ้มค่า เงิน 100-200 ที่คุณใช้จ่ายในการนำเอาสิ่งอุปโภคบริโภคเข้าไปทำร้ายร่างกายคุณกลับมองว่าไม่แพง เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่อยากจะฝากให้คิด บางครั้งช่วยไปแล้วเราต้องติดตามอาการ พอหายก็ไม่คุยกับเรา เราก็ไม่สามารถนำมาต่อยอดได้ หรือนำการติดตามเหล่านั้นมาพัฒนาช่วยเหลือคนอื่นอีกได้ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

    หมออะ…หมอรักษาเยียวยา ใครจะว่าอย่างไรเรื่องอื่นไม่รู้ รู้แค่ว่าเป็นหมอ อะไรรักษาคุณได้ ช่วยคุณได้ ทำเท่านั้น นั่นคือปณิธานของผม ศรัทธาของผมที่ผมได้รับจากพ่อและทำให้ผมมีวันนี้…ผมก็ต้องทำคืน

     

     

     

     

    ขอบคุณเรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล

    บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : ร่างทรงในตำนานเปิดปริศนา แปะโรงสี!

  • 10 ธันวาคม ของทุกปี วันรัฐธรรมนูญ (ประเทศไทย)

    10 ธันวาคม ของทุกปี วันรัฐธรรมนูญ (ประเทศไทย)

    10 ธันวาคม 2561 วันรัฐธรรมนูญ พร้อมประวัติและความเป็นมา

    10 ธันวาคม เป็นวันรัฐธรรมนูญ ตั้งขึ้นเพื่อ เป็นการระลึกถึงรัฐธรรมนูญฉบับแรก อันเป็นฉบับถาวร เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ และเป็นเครื่องกำหนดระเบียบแบบแผนของสังคม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานให้กับปวงชนชาวไทย

    และเป็นวันหยุดราชการเพื่อรำลึกถึงรัฐธรรมนูญของประเทศนั้น ๆ วันรัฐธรรมนูญมักจะถูกจัดให้ตรงกับวันครบรอบการลงลายมือชื่อ การประกาศใช้ หรือการเห็นชอบซึ่งรัฐธรรมนูญ…….

    ประวัติและความเป็นมา

    การเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์การปกครองของชาติไทยเนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลง การปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ซึ่งเป็นระบอบการปกครองที่ใช้กันมาเป็นเวลา 700 ปีเศษ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ

    วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยาม ฉบับถาวรซึ่งมีหลักการต่างกับฉบับแรกในวาระสำคัญหลายประการ อาทิ ได้เปลี่ยนระบอบการปกครอง เป็นการปกครองแบบรัฐสภา ทั้งนี้เนื่องจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2475 ได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นประมุขไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมือง เป็นผู้ใช้อำนาจทางคณะรัฐมนตรี ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งให้บริการราชการแผ่นดินต่อสภาผู้แทน รัฐสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติมิได้ใช้แต่เพียงอำนาจนิติบัญญัติเท่านั้น แต่มีอำนาจที่จะควบคุมคณะรัฐมนตรีในการบริหารแผ่นดินด้วย แต่อย่างไรก็ตามคณะรัฐมนตรีรวมทั้งพระมหากษัตริย์ซึ่งประกอบกันเป็นรัฐบาลก็มีอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนได้ หากเห็นว่าได้ดำเนินการไปในทางที่จะเป็นภัยหรือเสื่อมเสียผลประโยชน์สำคัญของรัฐซึ่งมีผลเท่ากับถอดถอนสมาชิกสภาที่ได้รับเลือกตั้งมาเพื่อให้ราษฎรเลือกตั้งใหม่ ในส่วนเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์นั้น ได้บัญญัติว่า พระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในฐานะอันเป็น ที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้

    อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองตั้งแต่ พ.ศ. 2475 มาจนถึงปัจจุบันรัฐธรรมนูญไทยมีทั้งสิ้นประมาณ 25 ฉบับ แต่ถ้านับเฉพาะฉบับที่สำคัญจะมีเพียง 18 ฉบับดังนี้

    • ฉบับที่ 1. ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม พุทธศักราช 2427 ประกาศใช้บังคับเมื่อ วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ 5 เดือน 13 วัน
    • ฉบับที่ 2.รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 ประกาศใช้บังคับเมื่อ วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ 13 ปี 5 เดือน
    • ฉบับที่ 3. รัฐธรรมนูญฉบับราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 รวมอายุการประกาศและการบังคับใช้ 1 ปี 5 เดือน 28 วัน
    • ฉบับที่ 4. รัฐธรรมนูญแห่งอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 รวมอายุการประกาศใช้ 1 ปี 4 เดือน 14 วัน
    • ฉบับที่ 5. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 ประกาศและบังคับใช้เมื่อ วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2492 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ 2 ปี 8 เดือน 6 วัน
    • ฉบับที่ 6. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495 ประกาศและบังคับใช้ วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2495 รวมอายุและประกาศบังคับใช้ 6 ปี 7 เดือน 12 วัน
    • ฉบับที่ 7. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2502 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2502 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ 9 ปี 4 เดือน 20 วัน
    • ฉบับที่ 8. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2511 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ 3 ปี 4 เดือน 20 วัน
    • ฉบับที่ 9. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2515 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้เมื่อ วันที่ 15 ธันวาคม 2515 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ 1 ปี 9 เดือน 22 วัน
    • ฉบับที่ 10. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2517 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ 2 ปี
    • ฉบับที่ 11. รัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2519 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ 1 ปี
    • ฉบับที่ 12. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2520 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ 1 ปี 13 วัน
    • ฉบับที่ 13. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 (แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2528)
    • ฉบับที่ 14. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534
    • ฉบับที่ 15. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534
    • ฉบับที่ 16. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540ฃ
    • ฉบับที่ 17. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2549 (ฉบับชั่วคราว)
    • ฉบับที่ 18. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 (รัฐธรรมนูญ ฉบับลงประชามติ)

    รายละเอียดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

    อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นรูปหล่อลอยตัว ประกอบด้วยรูปเล่มรัฐธรรมนูญในสมุดไทย ประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า สร้างด้วยทองแดง มีความสูง 3 เมตร หนัก 4 ตัน ตั้งบนฐานรูปทรงกลมด้านบนโค้งกลม ลานอนุสาวรีย์ยกสูงมีบันไดโดยรอบ รอบนอกลานอนุสาวรีย์มีครีบทรงแบน อยู่ 4 ทิศ ที่โคนครีบ มีภาพแกะสลักลายปั้นนูน และมีรั้วเตี้ย ๆ กั้นโดยรอบลานอนุสาวรีย์ รั้วนี้ใช้ปืนใหญ่โบราณจำนวน 75 กระบอก ฝังดินโผล่ท้ายกระบอกขึ้นมา เป็นเสา คล้องโซ่เชื่อมต่อกัน

    ครีบ 4 ด้าน สูงจากแท่นพื้น 24 เมตร มีรัศมียาว 24 เมตร หมายถึง วันที่ 24 ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง
    พานรัฐธรรมนูญ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดป้อมกลางตัวอนุสาวรีย์ สูง 3 เมตร หมายถึง เดือน 3 หรือ เดือนมิถุนายน (ขณะนั้นนับเมษายนเป็นเดือนแรกของปี) ตรงกับเดือนที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองสมัยนั้น และหมายถึง อำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ภายใต้รัฐธรรมนูญ (นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ)
    ปืนใหญ่จำนวน 75 กระบอก (ปากกระบอกปืนฝังลงดิน) โดยรอบฐานของอนุสาวรีย์ที่มีโซ่เหล็กร้อยไว้ หมายถึงปีที่ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง (เลข 75 เป็นเลขท้ายสองหลักของปี พ.ศ. 2475) ส่วนโซ่ที่ร้อยไว้ด้วยกันหมายถึงความสามัคคีพร้อมเพรียงของคณะปฏิวัติ    
    ลายปั้นนูนที่ฐานครีบทั้ง 4 เน้นถึงเรื่องราวการดำเนินงานของคณะราษฎรตอนที่นัดหมายและแยกย้ายกันก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475    
    พระขรรค์ 6 เล่ม ที่รายล้อมรอบป้อมกลางตัวอนุสาวรีย์ หมายถึง หลัก 6 ประการของคณะราษฎร
    ขอบคุณข้อมูลจาก : lib
  • ประสบการณ์เตือนใจ เรื่องจริงจากปากนักโทษที่เคยติด คุกบางขวาง

    ประสบการณ์เตือนใจ เรื่องจริงจากปากนักโทษที่เคยติด คุกบางขวาง

    เรื่องจริงจากปากนักโทษที่เคยติด คุกบางขวางมา 8 ปี เต็ม

    คุกบางขวาง ตีแผ่เรื่องราวในชีวิตนักโทษในเรือนจำเพื่อเป็นอุทธาหรณ์เตือนใจไม่ให้คนทำผิดกฎหมาย

    ในคุก!!!

    อดีต รปภ.ของตึก พี่เขาเคยติดคุกข้อหาฆ่าคนตาย….โดยเจตนา
    พอพ้นโทษมาก็มาทำงานให้เจ้านายโดยรับหน้าที่ดูแลเฝ้าตึกที่กำลังสร้าง ยาวจนถึง ตึกเสร็จพนักงานย้ายเข้าทำงาน แกถึงลาออกไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด ติดประมาณ แปดปี ปฎิบัติตัวดี เป็นนักโทษชั้นดีตลอดจนพ้นวาระ มีโอกาสได้นั่งคุยกับแกในช่วงเย็นๆตอนย้ายข้าวของมาออฟฟิศใหม่ๆ
    ได้ความดังนี้……(เป็นคำบอกเล่าของอดีตนักโทษน่ะ เท่าที่พอจะจำได้)

    ….วันแรกที่ศาลพิพากษาเสร็จสิ้น ก็ต้อง ไปเข้าเรือนจำทันที ปลดทุกอย่างออก แก้ผ้าเปลือยเปล่า เพื่อตรวจหาสารเสพติด ตรวจทุกตารางนิ้ว ไม่เว้นแม้แต่รูทวาร…จากนั้นรับชุดนักโทษส่งเข้าแดนขังแรกรับ มีนักโทษจำนวนมากในนั้น แกก็ระแวงระวังหวาดกลัวเช่นกัน แต่ก็ใจชื้นอยู่หน่อยตรงที่แกเป็นทหารมาก่อน เสธฯ ท่านหนึ่งจึงฝากฝังแกไว้กับนักโทษเด็ดขาดคนหนึ่ง ที่มีอิทธิพลพอสมควรในบางขวาง ให้ช่วยดูแลด้วย แกจึงผ่านพ้นพิธีรับน้องเฟรซชี่ แบบหวุดหวิด โดนก็แค่สถานเบา หากใครไม่มีคนคุ้มครอง ก็จะเป็นเหมือนสิ่งของชิ้นหนึ่งที่ขาใหญ่แต่ล่ะคนต้องการมาครองเป็นสมุน เป็นลูกน้อง เพื่อ!!!   ถ้านักโทษหน้าใหม่ใสปิ๊ง ขาวหล่อ เสร็จแน่ๆ แตกเนื้อสาวอย่างแน่นอน  ถ้ามีญาติมาเยี่ยม ของเยี่ยมเพียง 5 เปอร์เซนต์จากร้อยเท่านั้น ที่เจ้าของจะได้รับจริงๆที่เหลือขาใหญ่ต้นสังกัดจัดการ!

    …. หลังจากแดนแรกรับ ประมาณ 3 เดือน แกก็ถูกส่งเข้าไปแดน ที่แกจะต้องอยู่ตามโทษฐานที่แกได้รับจริงๆเสียที

    ทุกอย่างในแดนนี้…….

    แกค่อนข้างสบายกว่าคนอื่นๆอยู่บ้างตรงที่ ขาใหญ่ที่รับฝากแกมา คุ้มกะลาหัวอยู่แกจึงใช้ชีวิต น.ช. ได้ค่อนข้างราบรื่น แต่ก็ยังลำบากกว่าโลกอิสระภาพภายนอกเป็นร้อยเป็นพันเท่า!!!

    ….ชีวิตประจำวัน ในแต่ล่ะวันไม่มีอะไรมากนอกเสียจากต่อสู้กับจิตใจตัวเอง ที่อ้างว้างหว้าเหว่ สะกดกลั้นความคิดถึงลูกเมีย แม่พ่อ….ข้าวได้กินครบสามมื้อ สารอาหารครบไหม??? มะเขือ 1 ไร่ ไก่หนึ่งตัว ต่อนักโทษห้าร้อยหกร้อยคน ลองคิดดู
    รสชาติน่ะเหรอ… อย่าได้สนใจน้ำประปาใสๆยังน่ากินกว่า……. กินไม่ได้ก็ต้องกิน! ทนไม่ได้ก็ต้องทน!
    ภายนอกเวลา 24 ชั่วโมง มันแป๊บๆ แต่ในแดนสนธยาแห่งนี้ เวลาแค่ 10 นาที ยังให้ความรู้สึกราวกับนานเป็นชั่วโมง!
    อันตรายในแดนมีอยู่ทุกอณู พื้นที่ว่างๆอย่าได้ทะเล่อทะล่าเข้าไปเด็ดขาดเพราะมันมีโฉนดกรรมสิทธ์ของขาใหญ่เขาอยู่ อาจเจ็บตัวฟรีๆข้อหามีตาแต่หามีแววไม่!!!   บุหรี่ยาสูบยาเส้น เซเว่นยังอาย ขายเป็นม้วนครับ ม้วนล่ะ 100ถึง200 บาท เชียวน่ะ…. ของหวาน นานๆจะได้กินที คือข้าวแห้งก้นหม้อโรยด้วยนมข้นตรามะลิ นี่หล่ะของดีสินค้า โอทอปเลยเชียวหล่ะ

    ….แต่กิจกรรมนันทนาการ ก็มีอยู่ ใช่ว่าจะหงอยเหงาซะเมื่อไหร่ กีฬาเชื่อมใจเชื่อมสัมพันธ์แดนก็มีอยู่เช่น  แข่งตะกร้อ ซะเป็นส่วนใหญ่ พี่ยามของผม แกเล่นได้และเล่นดีเป็นที่ถูกอกถูกใจของขาใหญ่ จึงมีงานอดิเรกทำคือซ้อมตะกร้อ ซ้อมทุกวัน ซ้อมชนิดที่ทีมชาติยังอาย เช้าสายบ่ายคล้อย ก็ยังซ้อมเดาะตะกร้อ ถ้าไม่ซ้อม ก็จะกลายเป็นลูกตะกร้อถูกซ้อมเสียเอง เลือกเอา!
    ตอนเข้านอน ที่ใครจุดไหนจำให้แม่น เพราะพื้นที่ในการขยับตัวของท่านมีเพียง! ครึ่งเซน!ซ้ายขวาหน้าหลังเท่านั้น!
    ถ้าใครนอนกรน  ท่านก็จะได้รับรอยจูบ จุมพิตที่ปลายคาง แบบประทับใจสนั่น ฟันร่วงกันเลยที่เดียว ด้วยบาทา!

    ……..พี้นที่ส่วนตัว เช่นที่เก็บข้าวของเสื้อผ้าจำพวกนี้มีไหม? แกบอกว่ามี! อยู่แถวๆใต้ถุนเรือนนอน เรียกอย่างหรูว่าคอนโด ซึ่งอันที่จริงมันก็คือล็อกเกอร์เก่าๆ บ้าง ประดิษฐ์มาจากปี๊บบ้างให้พอใช้เก็บของได้ ดีหน่อยก็มีกุญแจล็อก  แต่ผู้ที่จะได้สิทธ์ใช้งานนั้นก็ขึ้นอยู่กับ จำนวนปี จำนวนโทษ และขนาดของขา (ขาใหญ่นี่ได้เปรียบเพื่อนฝูงจัง) อย่างแกเองก็มี เพราะได้รับมรดกจากรุ่นพี่มาตอนที่รับโทษผ่านไปแล้ว 5 ปี ถึงได้คอนโดโปรโมชั่นหลังหนึ่งมาใช้ น่าภูมิใจมาก ส่วนใครที่ได้สิทธ์แต่ไม่อยากใช้ ก็ปล่อยเช่าสบาย บุหรี่1ซอง ต่อเดือนต่อปีก็ว่ากันไป

    ….แกบอกว่าเป็นอยู่อย่างนี้จนใกล้ถึงวันสุดท้าย ก็เริ่มนับวันถอยหลังรอ แกบอกตื่นเต้นมาก และก็กลัวมากเช่นกัน
    เรื่องที่กลัว เรื่องแรกก็คือ …. กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อันมีเหตุให้ต้องอยู่ต่อไป คล้ายๆความวิตกของคนเข้าวัยเบญจเพส
    ประมาณนั้น  คือกลัวโดนอยู่ต่อหากมีเรื่องมีราวในคุกขึ้นมาอีก!

    เรื่องที่สอง คือ กลัวว่าโลกภายนอกจะไม่ย่อมรับแก  กลัวสังคมรังเกียจ กลัวญาติสนิทมิตรสหายทอดทิ้ง กลัวไม่มีงานทำ กลัวสารพัดเท่าที่จะนึกกลัวได้แต่ก็ยังดีที่ขาใหญ่ที่คุ้มครองแก และเสธ เจ้านายเก่าแกยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะฝากฝังหางานให้ทำเมื่อเข้าสู่โลกอิสระภาพอันศิวิไลท์
    จนวันที่ก้าวออกมาจากเรือนจำ ครอบครัวแกไม่ทิ้งแก เพื่อนฝูงไม่ทิ้งแก แกก็เลยปรับตัวได้และมีชีวิตอย่างคนทั่วไปจนมาพบกับเราและได้เล่าเรื่องราวที่เล่ามานี้ให้ฟัง


    …สุดท้ายแกยังสอนด้วยว่า ความใจถึง ความนักเลง เลี่ยงได้ให้เลี่ยง หลบได้ให้หลบ
    อย่าทำให้ตัวเองต้องเข้าสู่ชะตากรรมแบบที่แกเป็นเลย……….มันคือที่สุดแห่งความทรมานทั้งทางกายและจิตใจ!

     

    ขอบคุณ : lawyers

    บทความอื่นๆที่น่าสนใจ : การประหารชีวิตด้วยการฉีดสารพิษ

  • เปิดตำนาน “เผ่านักรบหญิงแห่งอเมซอน” สุดยอดนักรบต้นแบบ

    เปิดตำนาน “เผ่านักรบหญิงแห่งอเมซอน” สุดยอดนักรบต้นแบบ

    เปิดตำนาน “เผ่านักรบหญิงแห่งอเมซอน” สุดยอดนักรบต้นแบบ WONDER WOMAN

    เผ่านักรบหญิงแห่งอเมซอน ถ้าจะให้นิยามถึงชาว อเมซอน ซึ่งเป็นต้นแบบของ วันเดอร์วูแมน (Wonder Woman) หนึ่งใน Superhero แบบสั้นๆ กระชับที่สุด คงเหมือนเอาชาวสปาร์ตัน ที่ทุกคนเคยเห็นในเรื่อง 300 มาสลับบทบาทระหว่างเพศชายกับเพศหญิงกันนั่นแหละ แถมสนุกเร้าใจไม่แพ้กันด้วย

    เผ่าอเมซอน เป็นตำนานเล่าขานกันในหมู่ชาวกรีกโบราณมายาวนาน ว่าเป็นเผ่านักรบหญิงที่มีพละกำลัง และทักษะการรบที่เก่งกาจไม่แพ้ผู้ชาย บ้างก็บอกว่าเก่งกว่าแต่ก็น่าจะจริงเพราะดูแล้วพวกเธอแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามาก จากบันทึกได้เผยว่า……

    นักรบหญิงอเมซอน มีส่วนร่วมอยู่ในประวัติศาสตร์การรบของชาวกรีกอยู่บ่อยครั้ง เช่น ยุคมหาสงครามกรุงทรอยก็เคยประมือกับวีรบุรุษอคีลิสมาแล้ว หรือแม้แต่ในตำนานของจอมพลัง เฮอร์คิวลีส เองก็มีเรื่องราวของชาวอเมซอนรวมอยู่ด้วย

    ตามประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า นักรบหญิงอเมซอนถูกฝึกตั้งแต่ยังแบเบาะ กล่าวคือนับตั้งแต่วินาทีแรกที่พวกเธอลืมตาตื่นขึ้นมาก็จะได้รับการฝึกให้ชินกับความยากลำบาก พวกเธอไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งดื่มนมแม่ โตขึ้นมาก็ถูกฝึกเป็นนักรบ นักรบหญิงอเมซอนไม่มีความคิดเรื่องการแต่งงานหรือครองเรือน เว้นเสียแต่จะทำเพื่อสืบเผ่าพันธุ์เท่านั้น

    การเมืองการปกครองของอเมซอนที่เพศหญิงเป็นใหญ่ที่สุด ผู้หญิง ทำหน้าที่ทุกอย่างตั้งแต่งานบ้านจนถึงการศึก เมื่อถึงเวลาต้องการสืบเผ่าพันธุ์ก็ต้องออกไปหาบุรุษเพศจากต่างเผ่า แถมยังเชื่อกันด้วยว่าหากได้ลูกชายก็จะฆ่าทิ้งเสีย ไม่ก็ทำให้พิการจะได้ออกรบไม่ได้

    รวมถึงเรื่องที่ว่า ชาวอเมซอนจะต้องตัดเต้านมออกข้างหนึ่งเพื่อจะได้ไม่เกะกะเวลาง้างธนู หรือขว้างหอกด้วย ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่น่าจะจริงสักเท่าไหร่ เพราะในภาพวาดโบราณก็ไม่เคยมีอะไรแบบนั้นถูกบันทึกไว้เลย ถ้าจะใกล้เคียงที่สุดก็น่าจะแค่ชุดออกรบของพวกเธอ ที่จะสวมเสื้อหนังสัตว์แบบเปลือยไหล่หนึ่งข้าง เพื่อความถนัดในการออกรบนั่นเอง (เอาจริงๆ ตอนจะรบกันคงไม่มีใครมีอารมณ์มานั่งส่องสาวหรอกเนาะ)

    มาถึงตรงนี้ จึงทำให้เราเกิดคำถามขึ้นมาอีกว่า……

    เรื่องเล่าที่ชวนเหลือเชื่อแบบนี้ เลยทำให้เราไม่อาจปักใจได้ว่าอเมซอนมีจริงหรือไม่……?

    แต่เรื่องของอเมซอนก็ดูเหมือนจะยังมีเค้าความจริงอยู่บ้าง จากหลักฐานการขุดพบสุสานของชาวไซเธียน ชนเผ่าเร่ร่อนที่อาศัยอยู่ในแถบทะเลดำ ไล่ไปถึงมองโกเลียนั่นเอง ซากสุสานที่ค้นพบส่วนใหญ่แล้วจะเจอทั้งธนู คันศร หอก มีด โครงกระดูกมนุษย์ที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากการสู้รบ โครงกระดูกม้า และอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นของสตรีเพศ เป็นข้อพิสูจน์ถึงการมีตัวตนได้อย่างแน่ชัด เพราะพวกเธอเป็นชนเร่ร่อน นั่นเอง

    ว่ากันว่า บ้านที่แท้จริงของนักรบหญิงอเมซอนนั้นตั้งอยู่ที่ เกาะ Giresun Island ในประเทศตุรกี เพราะบนเกาะมีการขุดพบแท่นบูชา และซากโบราณสถานอยู่จริงด้วย นั่นจึงทำให้คิดได้ว่าเกาะอเมซอนนั้นอาจไม่ได้เป็นเพียงนิทานปรัมปราก็ได้ ซึ่งหากใครเคยอ่านเรื่อง อภินิหารขนแกะทองคำ จะร้องอ๋อขึ้นมาเลย

     

     

     

    ขอบคุณข้อมูลจาก : travel.trueid

    บทความอื่นที่น่าสนใจ : “Nikika Orlov” สร้างสรรค์ผลงานจากสุนัขพันธ์ต่างๆ ให้กลายเป็นนักรบ

  • ซอสมะเขือเทศ Heinz กับเลขแห่งความลับ 57

    ซอสมะเขือเทศ Heinz กับเลขแห่งความลับ 57

    ซอสมะเขือเทศ Heinz กับเลขแห่งความลับ 57

    ซอสมะเขือเทศ Heinz กับเลขแห่งความลับ ฟังดูแล้วเหมือนชื่อ ภาพยนต์นิยายเวทย์มนต์ชื่อดัง แต่นี้คือเรื่องจริงของซอสมะเขือเทศที่เราท่านกันมากว่าสิบๆปี ก่อนที่จะเจอกับความลับของเขา เรามาทำความรู้กับกับ Heinz กันก่อนดีกว่า | ผู้ก่อตั้ง ซอสมะเขือเทศ Heinz คือนาย Henry John Heinz ภายใต้ชื่อบริษัท ว่า H.J. Heinz โดยบริษัท H.J. Heinz เป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในการแปรรูปอาหาร ซอสมะเขือเทศที่คนบริโภคในประเทศสหรัฐอเมริกาผลิตขึ้นโดย Heinz มีส่วนแบ่งของยอดขายซอสมะเขือเทศประมาณ 30% ของของตลาดทั้งหมด ซึ่ง ณ ปัจจุบัน บริษัทยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกมากมายที่ทำให้บริษัทเติบโตแบบไม่หยุดยั้ง

    ซอสมะเขือเทศ

    และผู้ก่อตั้ง Heinz ก็คือ Henry John Heinz เป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดและขยันขันแข็งในการทำงานเป็นอย่างมาก และนอกจากนั้นเขายังให้ความสำคัญกับตัวผลิตภัณฑ์และพนักงานที่ถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนบริษัท ส่งผลให้เขากลายเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในยุคนั้น และส่งผลให้ในปี 2018 แบรนด์ HJ Heinz กลายเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับที่ 96 ของโลก ด้วยมูลค่ากว่า 23.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 7.66 แสนล้านบาทเลยทีเดียว
    ซอสมะเขือเทศ

    และความลับของ Heinz ที่ทุกคนกำลังส่งสัยอยู่นั้น เกี่ยวข้องกับเลข 57 อย่างไร

    ย้อนกลับไปในปี 1896 นาย Henry Heinz เจ้าของธุรกิจซอสแสนอร่อยยี้ห้อดังกล่าว ได้สังเกตเห็นป้ายโฆษณารองเท้ายี่ห้อหนึ่งที่มีทั้งหมด 21 แบบ เขาจึงคิดว่าไอเดียนี้เจ๋งดี เลยตัดสินใจทำกับซอสมะเขือเทศของเขาบ้าง โดยในทีแรกผลิตภัณฑ์ของ Heinz ทำออกมาทั้งหมด 60 แบบ แต่เขาไม่ปลื้มกับเลข  60 มากนัก จึงให้เริ่มที่เลข 57 ซึ่งเขาคิดว่าเป็นเลขที่นำโชคมากกว่า เขาจึงได้ใช้สโลแกน  “57 Varieties” มาตั้งแต่นั้น

    แต่เอ๊ะ!!!  เลข 57 เป็นเพียงตัวเลขนำโชคเท่านั้นจริงๆหรอ โฆษกของ Heinz ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Mirror ถึงความสำคัญของตัวเลข 57 ที่อยู่บนฉลากและถูกซ้อนอยู่บริเวณตัวขวดแก้วด้วย ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวมีความลับซ้อนอยู่

    คุณรึป่าวที่เวลาไปทานอาหารตามโรงแรม หรือร้านสเต๊กที่ต้องมีเครื่องเคียงเป็นซอสมะเขือเทศแสนอร่อย ปัญญาไม่ได้อยู่ที่ซอส แต่อยู่ที่การน้ำซอสมะเขือเทศออกมาจากขวด และเราก้มักจะทำกันแบบนี้ แต่มันก้ยังไม่ออกมา หรือบางจะหวังมันนึกจะออกมาก็เป็นแบบนี้

     

     

     

     

     

     

    ที่เป็นแบบนี้เพราะเราไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วหากเราต้องการเทซอสมะเขือเทศออกมาจากขวดแก้วนั้น มันง่ายดายมาก เพียงแค่คุณเอียงขวดเล็กน้อยและตบไปที่เลข 57 เบาๆ เพียงเท่านี้เราก็ไม่ต้องออกแรงทุบตีขวด หรือเสียเวลาเพราะถูกขัดจังหวะในการรับประทานอาหารอันแสนอร่อย ยังไงก็ลองไปทำกันดูนะคะ แต่ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ก็ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบให้ใช้งานกันได้ง่ายมากยิ่งขึ้นในรูปแบบของขวดพลาสติกแบบบีบ แต่ถ้าใครชอบความคลาสสิค ก็ต้องเป็นแบบขวดแก้วนะจ๊ะ

    คลิป VDO เพิ่มเติม

  • สถานที่น่ากลัวที่สุดในโลก หลอน ผวา ท้าให้ไปลอง!!!

    สถานที่น่ากลัวที่สุดในโลก หลอน ผวา ท้าให้ไปลอง!!!

    สถานที่น่ากลัวที่สุดในโลก หลอน ผวา ท้าให้ไปลอง!!!

    สถานที่น่ากลัวที่สุดในโลก หากคุณคิดว่าใจแข็งพอ เราขอท้าให้คุณไปเยือน สถานที่เหล่านี้ ซึ่งมีตำนานที่แปลกประหลาด ชวนสะพรึงจนถูกกล่าวขวัญว่าเป็นสถานที่ น่ากลัวที่สุดในโลก พร้อมกันหรือยัง ที่จะเดินฝ่าความมืด ก้าวเข้ามาท้าทายดินแดนลี้ลับ ที่ไม่อนุญาติให้คุณมีรอยยิ้มกลับออกมา…….อีกต่อไป !!!!

    Gonjiam Psychiatric Hospital (โรงพยาบาลจิตเวช)

    : Gyeonggi, Korea

    เมื่อ 10 กว่าปีก่อนในประเทศเกาหลีใต้ มีข่าวการตายปริศนาของคนไข้ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง จนกลายเป็นที่ร่ำลือและหวาดผวา จากนั้นไม่นานทั้งคุณหมอและพยาบาล ต่างโดนมัจจุราชลี้ลับปลิดวิญญาณอย่างน่าสงสัย ที่สุดโรงพยาบาลแห่งนี้จึงถูกสั่งปิดตัว กลายเป็นสถานที่รกร้าง ทรุดโทรมสกปรก และยังพบซากข้าวของที่เคยมีอยู่มากมาย เช่น รั้ว ซากเก้าอี้ เตียงคนไข้ โดยโรงพยาบาลนี้เป็นที่รู้จักกันดี ว่าเป็นหนึ่งในสามสถานที่มีผีสิงน่ากลัวที่สุดของเกาหลีใต้ (อีกสองแห่ง ได้แก่ Youngdeok haunted house และ Neulbom Garden)

    Hashima Island (เกาะฮาชิม่า)

    : Nagasaki, Japan 

    หลายคนอาจจะคุ้นตากับภาพยนตร์เรื่อง “ฮาชิม่า” กันมาบ้าง แต่รู้หรือไม่ว่าเกาะฮาชิม่าของจริง ในประเทศญี่ปุ่น มีเรื่องราวอันน่าหวาดผวาซ่อนอยู่! แต่เดิมเกาะฮาชิม่า ถูกซื้อโดยบริษัทมิตซูบิชิในปี 1890 เพื่อทำเป็นเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่ และยังเป็นเหมือนกับสถานที่คุมขังนักโทษด้วย เนื่องจากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่น ได้เกณฑ์แรงงานชาวจีนและเกาหลีใต้ที่เป็นจำเลยช่วงสงคราม มาทำงานในเหมืองถ่านหิน กระทั่งบริษัทมิตซูบิชิตัดสินใจยุบเหมืองถ่านหินลง ก่อนจะทิ้งให้กลายเป็นเกาะรกร้างที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ กระทั่งปัจจุบันถูกผลักดันให้เป็นสถานที่ทอ่งเที่ยวพิเศษ ซึ่งมีคนเคยพบอาถรรพ์อยู่หลายครั้ง อย่างบุคคลปริศนาที่โผล่แวบไปมาอยู่ในเกาะ!

    La Isla de las Muñecas (เกาะแห่งตุ๊กตา)

    : Teshuilo Lake, Mexico 

    ละครสุดสยองของคนไทย คงมีเรื่อง “ตุ๊กตาผี” อยู่ใน List แต่ที่ประเทศเม็กซิโกไม่ได้มาเป็นละคร แต่เป็นเกาะแห่งตุ๊กตา สร้างขึ้นโดย Don Julian Santana ซึ่งอาศัยอยู่ที่นี่มายาวนานถึง 50 ปี กระทั่งปี 2001 เขาจึงได้เริ่มแขวนตุ๊กตาที่พังแล้วบนต้นไม้ของเกาะนี้ แม้ว่าอาจจะฟังดูน่ากลัว แต่เบื้องหลังของตำนานเรื่องนี้ก็มีหลายเวอร์ชั่น ข้อมูลหลักที่ดูคล้ายกันคือ  Don Julian Santana ตั้งใจจะอุทิศตุ๊กตานี้ ให้กับความกล้าของเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งจมน้ำในคลอง เพื่อช่วยเหลือเพื่อนของเขา บ้างก็ว่าเขาแค่อยากจะให้ผีเพื่อนเขามีตุ๊กตาเล่นก็เท่านั้น ปัจจุบันตุ๊กตาหลายตัวหน้าตาดูน่ากลัว จนใครมาสัมผัสช่วงกลางดึก ก็เล่นเอาขนลุกได้เหมือนกัน

    Akodessewa Fetish Market (ตลาดของแปลก)

    : Lomé, Togo 

    “แค่ตลาด มันจะไปน่ากลัวอะไร้” ใครกำลังคิดแบบนี้ขอให้ตรองดูใหม่ เพราะนี่คือ “ตลาดของแปลก” ที่รวบรวมบรรดาอุปกรณ์ทำคุณไสยฯ พิธีกรรมลี้ลับเอาไว้ใหญ่ที่สุดในโลก เรียกว่าเป็นสวรรค์ของชาววูดูกันเลยทีเดียว โดยสิ่งที่มีในตลาดนี้ คือของที่เชื่อกันว่ามีพลังวิเศษ สามารถใช้รักษาแบบวูดูได้ เช่น หัวจระเข้ มือลิงชิมแพนซี งูเห่า และกระดูกต่างๆ ซึ่งของเหล่านี้ถูกนำมาขาย โดยถือว่าเป็นส่วนผสมหนึ่งที่นำมาปรุงกับสมุนไพร อาทิ ผงแป้งสีดำที่จะถูกนำมาถูบนหน้าอกของคนป่วย เชื่อว่าจะช่วยรักษาอาการอะไรก็ได้ และจากที่มีของสุดพิศดารอัดแน่นกันไว้ที่นี่ จึงทำให้ตลาดแห่งนี้มีทั้งความคึกคัก และพลังงานลี้ลับอะไรบางอย่างแฝงเร้นอยู่ ราวกับเป็นศูนย์รวมวิญญาณขนาดใหญ่ยังไงหยั่งงั้น!

     

    บทความอื่นที่น่าสนใจ : 10 จุดหมายปลายทางต้องห้ามที่คุณไม่เคยแวะเยี่ยมชม