อาจารย์เที่ยง น่วมมานา วัดทอง (วัดสุวรรณาราม) เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ อาจารย์เที่ยงท่านนี้เป็นฆราวาสจอมขมังเวทย์ ที่เรียนวิชาต่างๆมามากมาย

ประวัติอาจารย์เที่ยง น่วมมานา
ฆาราวาสยุคสงครามอินโดจีน
เรื่องเก่าๆ เล่าอดีต เมื่อครั้งกระโน้น ท่านอาจารย์เที่ยงนวมมานา เล่าให้ฟังไว้ว่าเมื่อครั้งท่านอาจารย์เที่ยงยังหนุ่มอยู่เคยได้พบเห็นเหตุการณ์อันเป็นที่น่าอัศจรรย์เกี่ยวกับอาจารย์ฟ้อนไว้ว่า ที่สถานีรถไฟบางกอกน้อยได้เห็นหญิงสาวฝาแฝดสองคนกล่าววาจาหมิ่นประมาทท่านอาจารย์ฟ้อน เมื่อท่านได้ยินท่านบอกแก่สาวทั้งสองคนว่า “เย็นนี้เอ็งทั้งสองคนมาคอยที่นี่ ข้าจะไปธุระก่อนตอนเย็นจะมารับ ท่านอาจารย์เที่ยงบอกว่าเห็นทั้งสองคนมีอากการเหมื่อนคนเหม่อลอยตลอด และเดินกลับบ้านไปพอบ่ายๆ ก็ออกมารออยู่ที่สถานีรถไฟ พอท่านอาจารย์ฟ้อนมาถึงท่านเพียงบอกแค่ว่าตามมา หญิงสาวทั้งสองก็ออกเดินทางไปพร้อมท่าน
กว่าทางบ้านของหญิงสาวจะรู้และตามหาเจอก็ปาเข้าไปสามเดือน ต้องไปขอขมาท่านก่อนจึงได้ลูกสาวกลับมา ท่านอาจารย์เที่ยงเคยยกย่องท่านไว้ว่าวิชานะจังงังของท่านเป็นเลิศจริงๆ อ.เที่ยง น่่วมมานา กับพระเวทย์ดับพิษไฟ
อ.เที่ยง น่วมมานา เป็นอาจารย์สัก ที่ขึ้นชื่อลือชาทางด้านคงกระพันชาตรี นับว่าเป็นสายเหนียว ทีมีคนรู้จักกันมาก โดยเฉพาะตัวอ.เที่ยง นับว่าเหนียวแบบสุดๆ ท่านเคยปีนขึ้นไปหยิบพระให้ลูกศิษย์ แล้วพลัดตกลงมา ถูกเข็มสักที่ตั้งอยู่แทงเข้าไปที่ชายโครง ปรากฎว่าเข็มสักที่ทั้งแหลมทั้งคม หาระคายผิวหนังท่านไม่ กลับเป็นเข็มสักซะอีก ที่ถึงกับยู่ ต้องมานั่งแต่งตั้งนานจึงจะใช้ได้

ว่ากันว่า ท่านเป็นอาจารย์สักมาตั้งแต่ สมัยสงครามอินโดจีน แต่ท่านมามีชื่อเสียงมาก หลังปี๒๕๐๐ เพราะรุ่นทีเป็นครูบาอาจารย์ ทะยอยล่วงลับไปสิ้น อ.เที่ยง เป็นอาจารย์ฆราวาส ร่วมสมัยกับ อ.ชุม ไชยคีรี อ.เจ๊ก สามแยกไฟฉาย อ.เฮง บ้านบาตร อ.รอด บางกะปิ ทุกสายที่เอ่ยนามมา ล้วนมีศิษย์อยู่ระดับหมื่นขึ้นทั้งนั้น
ครั้งหนึ่งมีลูกศิษย์มาคุย กับอ.เที่ยง ที่สำนัก มีตอนนึงลูกศิษย์ได้พูดถึงพันเอกชม ได้แสดงดับพิษไฟ ล้วงน้ำมันเดือด ลูดโซ่เผาไฟ แล้วเอ่ยชมว่าเป็นเรื่องแปลกมาก อ.เที่ยงจึงกลาวว่า ไม่เห็นแปลก คนชนบทที่ทำได้มีเยอะแยะไป
หลังจากลูกศิษย์ได้ยิน อ.เที่ยงพูดเช่นนั้น ก็ถามแล้วอาจารย์ทำได้ไหม อ.เทียงก็ตอบว่าก็ทำได้อยู่ ลูกศิษย์ก็ขอ อ.เที่ยงแสดงให้ดู อ.เที่ยงเลยให้ไปซื้อน้ำมันพืชกับไพรมาหัวหนึ่ง เมื่อได้ของมาแล้ว อ.เที่ยงก็เอากระทะทองเหลือง แบบที่เค้าทำขนมมาตั้งไฟ เอาน้ำมันเทลงไป เอาไพรที่หั่นไว้ห้าแว่น ลงอักขระเลขยันต์ ใส่ลงไป พอเห็นน้ำมันร้อนได้ที่ ก็เอาใบพลูใส่เข้าไป ปรากฎว่าใบพลูเหลืองกรอบแล้วไหม้ในที่สุด หลังจากนั้นท่านก็บริกรรม พระคาถาโมคคัลลาดับพิษไฟ เป่าลงไป แล้วบอกลูกศิษย์ให้เอามือจุ่มน้ำมัน แต่ลูกศิษย์ไม่กล้า บอกอาจารย์แสดงให้ดูหน่อย อ.เที่ยง จึงว่าถ้าผมจุ่มให้ดูแล้ว คุณต้องจุ่มนะ ว่าแล้วอ.เที่ยงก็เอามือจุ่มลงไปน้ำมันให้ดู ลูกศิษย์ก็เลยจุ่มบ้าง พอเห็นไม่ร้อนจริง ก็เอามือจุ่มอีกหลายเที่ยว

เรื่องราวความขลัง 7 เรื่องของคุณพ่อเที่ยง มาให้ฟัง
เรื่องที่ ๑
เมื่อครั้งหนึ่งพ่อเที่ยงจะหยิบพระจากบนหิ้ง มาแจกลูกศิษย์ ด้วยหิ้งพระสูงท่านจึงต่อเก้าอี้ แล้วพลัดตกลงมา แขนจึงไปถูกกับเข็มสักที่ตั้งหงายอยู่ กลับไม่มีบาดแผลแม้รอยบางบอน แต่เข็มสักบิดเบี้ยวไปเลย ท่านก็หันมายิ้มแล้วบอกกับศิษย์ว่า “คนแก่แล้ว หนังมันหย่อนยาน เลยไม่เข้า” แล้วก็ทำการลับเข็มสักใหม่เป็นการใหญ่เลยทีเดียว
เรื่องที่ ๒
เมื่อครั้งที่พ่อเที่ยงกลับมาจากข้างนอก กำลังจะกลับบ้าน ฝนเกิดตกซะก่อน ก็ต้องพากันเดินตากฝนกลับพอมาถึงที่บ้านแล้ว กลุ่มลูกศิษย์ก็พากันหาผ้ามาให้ท่านเช็ดตัวเป็นการใหญ่เลยเพราะกลัวว่าท่านจะเป็นหวัด พอหยิบผ้ามากำลังจะยื่นให้ท่านกลับพบว่า ตัวท่านไม่เปียกฝนเลยแม้แต่น้อย
เรื่องที่ ๓
เมื่อตอนพ่อเที่ยงไม่สบายอยู่ที่โรงพยาบาลลูกศิษย์ของท่านคนหนึ่งหลังจากกลับจากธุระแล้ว ระหว่างขับรถ กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะนำของกินไปให้แม่ก่อน หรือว่าจะไปเยี่ยมอาจารย์ก่อน เมื่อคิดแล้วก็วนรถกลับไปเยี่ยมอาจารย์ที่โรงพยาบาล เมื่อตอนจะกลับพ่อเที่ยงก็บอกกับศิษย์คนนั้นว่า “รีบกลับเอาของกินไปให้แม่เถอะ” ทั้งๆที่ไม่ได้บอกกล่าวเรื่องนี้เลย แต่ท่านก็สามารถทราบได้

เรื่องที่ ๔
มีคนรู้จักท่านคนหนึ่ง (ไม่แน่ใจว่าเป็นเพื่อนของท่านหรือป่าว) ข้องใจ สงสัย อยากรู้ว่าผีมีจริงหรือป่าว เลยเข้ามาถามกับพ่อเที่ยง ท่านก็ตอบกลับไปว่า “มีจริง” แล้วก็นัดเวลาให้มาพบท่านแล้วพาไปที่หนึ่ง (คาดว่าจะเป็นป่าช้า) หลังจากนั้นก็ทำเอาคนอยากรู้หัวโกร๋น ไม่สบายไปหลายวันเลยทีเดียว เพราะท่านรู้จริง ทำได้จริง พิสูจน์ได้
เรื่องที่ ๕
เมื่อก่อนงานไหว้ครูอาจารย์หาญ ซึ่งเป็นศิษย์พ่อเที่ยงคนหนึ่ง ได้เข้ามาหาท่าน แล้วก็แจ้งวันไหว้ครู พร้อมกับเชิญท่านให้ไปงานไหว้ครูให้ได้ ท่านจึงได้รับปาก เมื่อถึงเวลา ท่านก็ออกเดินทางพร้อมกับลูกศิษย์ขับรถไปส่ง ขณะถึงกลางทางโรคหัวใจท่านกำเริบ จะพาท่านไปส่งที่โรงพยาบาล ท่านก็ไม่ยอมไปจะต้องไปบ้านอาจารย์หาญให้ได้ ท่านก็ไปอยู่จนเสร็จพิธี จากนั้นก็ไม่ไหวลูกศิษย์ก็พาท่านเข้าโรงพยาบาล ท่านจะบอกกับลูกศิษย์ว่า “วาจาเราใช้เสกเป่าคาถาให้ศักดิ์สิทธิ เราต้องมีสัจจะ”
เรื่องที่ ๖
เมื่อครั้งไปเยี่ยมลูกศิษย์ที่ต่างจังหวัด ได้มีอาจารย์สักเจ้าถิ่นในแถบนั้นทราบเข้าก็เกิดไม่พอใจ คิดว่าจะมาสักทับถิ่น จึงให้ลูกศิษย์ไปเชิญมาเพื่อเจรจา ก็ไม่สามารถตกลงกันได้ พ่อเที่ยงจึงกล่าวว่า “ถ้าพวกท่านจับผมได้ ผมจะไปทันที” จากนั้นก็ลุกออกไป โดยที่กลุ่มลูกศิษย์นั้น ไม่มีใครสามารถลุกจากพื้นได้เลย ว่ากันว่าวิชานี้ เสด็จเตี่ย ท่านก็เคยใช้แม้กระทั้งปืนหรือมีดที่พกอยู่ ก็ไม่สามารถดึงหรือชักออกมาได้
เรื่องที่ ๗
งานไหว้ครูพ่อเที่ยงสมัยก่อนตอนนั้นมีพระเข้ามาหาท่าน ลูกศิษย์จึงนำน้ำชามาถวาย เมื่อถึงตรงหน้าแล้วพระรูปนั้นก็ใช้ฝ่ามือตบลง ไปที่แก้วแตกกระจายแล้ว หันหน้ามาทางพ่อเที่ยงพร้อมกล่าวว่า “แบบนี้ท่านทำได้ไหม” พ่อเที่ยงท่านก็เฉยๆ บอกให้ลูกศิษย์มาเก็บกวาดแล้ว ไปนำมาถวายให้ใหม่ เมื่อนำมาถวายแล้ว พระรูปนั้นก็ทำอีกเช่นเดิม และกล่าวว่า “แบบนี้ท่านทำได้รึป่าว” พ่อเที่ยงก็ให้ศิษย์มาเก็บกวาด แล้วให้รินน้ำชามาให้ท่าน จากนั้นพ่อเที่ยงก็นำน้ำชามาถวายพระรูปนั้นเอง และกล่าวว่า “อัปปมาโน ยั้งไว้ซึ่งความประมาท” พระรูปนั้นก็ตบไปที่แก้วอีกเช่นเดิม แต่คราวนี้แก้วบาดทะลุมือ ร้องโอดโอย ท่านจึงให้ลูกศิษย์มาไปส่งที่โรงพยาบาล….
ขอบคุณข้อมูลจาก : ศิษย์สายวันสะพานสูง
บทความอื่นที่น่าสนใจ : ตำนานวิชาหนุมาน ซึ่งไร้ผู้สืบทอด
ใส่ความเห็น