ไปเที่ยวอำเภอปัว น่าน ในอดีตบางคนนี่แทบไม่รู้จักเมืองนี้เลย เพราะปกติพูดถึงน่านจะนึกถึง ดอยเสมอดาว เที่ยวในตัวเมืองน่าน บ่อเกลือ อช. ขุนสถาน ดอยภูคา แทบไม่มีใครนึกถึงปัว
แต่ในปัจจุบันหลังจากที่มีภาพความสวยงามและเป็นธรรมชาติของอำเภอนี้ปรากฎในสื่อออนไลน์มากขึ้น กลายเป็นว่าใครๆ ก็อยากไปเที่ยวปัว เพราะอำเภอนี้ยังมีความเป็นธรรมชาติสูงมาก วิวสวย อากาศดี ผู้คนน่ารัก มีที่เที่ยวมากมาย แล้วจะพลาดได้อย่างไร

มารู้จักเมืองปัวกัน
เมืองปัว ตั้งอยู่ในจังหวัดน่าน โดยห่างจากตัวอำเภอเมืองน่าน 60 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า คำว่า ปัว เพี้ยนมาจาก พลัว ปัว เป็นเมืองสีเขียวในหุบที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติแสนงดงาม เป็นที่อยู่ของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งคนไทลื้อ ชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง เมี่ยน และลัวะ แต่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทลื้อที่มีประเพณีและวัฒนธรรมเป็นของตนเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการแต่งกายแบบพื้นบ้านอย่างเช่น ผ้าทอไทลื้อ ที่สร้างชื่อมาช้านานกลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของอำเภอนี้ ในช่วงฤดูทำนาเราจะได้เห็นไร่นาเขียวขจีห้อมล้อมด้วยขุนเขาพร้อมสายหมอกบาง ในฤดูหนาวก็จะได้สัมผัสกับอากาศหนาวเย็น สองฟากถนนสายหลักเป็นกลุ่มบ้านไม้ริมถนนรวมถึงซอกซอยที่เชื่อมถึงกันหมดที่ต่างซุกซ่อนชีวิตเรียบง่ายและเป็นหนึ่งเดียวกัน

การเดินทางไป อำเภอปัว
จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 จนถึงจังหวัดนครสวรรค์ จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 117 ไปจนถึงจังหวัดพิษณุโลก จากจังหวัดพิษณุโลกใช้ทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านจังหวัดอุตรดิตถ์ และอำเภอเด่นชัย (จังหวัดแพร่) จากเด่นชัยใช้ทางหลวงหมายเลข 101 ผ่านจังหวัดแพร่ไปจนถึงตัวจังหวัดน่านและจากตัวอำเภอเมืองน่าน ใช้ทางหลวงหมายเลข 1080 ถึงอำเภอปัว รวมระยะทางประมาณ 728 กิโลเมตร
รถโดยสารประจำทางจากกรุงเทพ
สายกรุงเทพ – ทุ่งช้างจะผ่าน อ.ปัว ลงหน้าธนาคารกสิกรไทยสาขาปัว หากจะไปจุดใดในอำเภอปัวก็ต่อรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถโดยสารปัจจุบันมี 3 บริษัท คือสมบัติทัวร์ เชิดชัยทัวร์และบขส. มีทั้ง รถ ป.1 ป.2 และวีไอพี
จากตัวเมืองน่าน
เมื่อมาถึงตัวเมืองน่าน ขึ้นรถสองแถวคันสีฟ้าสาย น่าน – ปัว ได้ที่สถานีขนส่งน่าน

ระยะเวลาท่องเที่ยว อำเภอปัว
2 วัน 1 คืน กับการให้เวลาที่เมืองปัว อาจดูเป็นระยะเวลาที่สั้นไป แต่ถ้าไม่ได้เที่ยวแบบเอ้อระเหยอะไรมาก เวลาแค่นี้น่าจะเพียงพอที่จะไปตามสถานที่ต่างๆตามที่ได้เพลนไว้
โดยเน้นเฉพาะในตัวเมืองและบริเวณใกล้เคียงซึ่งใช้เวลาเดินทางถึงกันไม่นานมาก ได้แก่ วัดภูเก็ต ตูบนาไทลื้อ ร้านกาแฟไทลื้อ วัดพระธาตุเบ็งสกัด วัดร้องแง วัดบ้านต้นแหลง วัดปรางค์ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ วังศิลาแลง
หากใครอยากไปสถานที่อื่นด้วยก็ปรับตามความเหมาะสมได้ เพราะถ้ามาถึงอำเภอปัวจริงๆจะรู้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวตั้งอยู่ใกล้กันมากแต่ละแห่งใช้เวลาเดินทางถึงกันไม่เกิน 5-20 นาที ก่อนเดินทางศึกษาหาข้อมูลดูแผนที่ว่าที่เที่ยวแต่ละแห่งอยู่ตรงไหนบ้าง แต่เมื่อมาถึงปัวไม่ต้องห่วงว่าจะไปไหนไม่ถูกเพราะมีป้ายบอกสถานที่ตลอดและเพื่อความปลอดภัยไม่หลงทาง หรือเลือกใช้ google maps ประกอบการนำทางด้วยก็จะง่ายเป๊ะขึ้น รวมถึงการสอบถามเส้นทางกับชาวบ้านวิธีนี้ดูจะแน่นอนที่สุด
มาเที่ยว อ.ปัว ช่วงไหน
เมืองปัวเป็นเมืองที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเที่ยวหน้าหนาวดีกว่าอากาศหนาวเย็นสบาย แต่ถ้าอยากเห็นเมืองปัวในแบบที่สวยที่สุดควรมาหน้าฝนช่วงฤดูทำนาตั้งแต่กลางเดือน กย – ตค คือ ถ้ามาหน้าหนาวก็จะได้แค่อากาศหนาวไม่ได้วิวทุ่งนาเขียวขจีเต็มเมือง ซึ่งเรามองว่าวิวทุ่งนาและเขาเขียวขจีเป็นจุดเด่นอีกอย่างของเมืองนี้ พื้นที่ของอำเภอปัวเกือบทั้งเมืองประชากรประกอบอาชีพทำไร่ทำนา ตลอดสองข้างเต็มไปด้วยแปลงคันนา เหมือนเราไปเที่ยวแม่กลางหลวง แม่แจ่ม
หากไปในช่วงไม่มีนาข้าวก็ไม่มีอะไรน่าชมมากเท่าช่วงที่มีนาข้าวเพราะไฮไลต์ของเค้าคือสิ่งนี้ หรือเราไปเที่ยวทะเลหน้าฝนถามว่าเที่ยวได้มั้ยก็เที่ยวได้เพียงแต่ความสวยของทะเลหน้าฝนจะไม่สวยเต็มที่เหมือนฤดูท่องเที่ยวของมันอย่างหน้าร้อน

บนเส้นทาง 1256 ขากลับที่จะเข้ามาเมืองปัว อย่าลืมแวะเก็บภาพจุดนี้นะ ^^
สถานที่ท่องเที่ยวในอำเภอปัว แวะชมวิวอำเภอปัวที่วัดภูเก็ต

ลานกว้างที่เป็นจุดชมวิวของวัดภูเก็ตในอำเภอปัว ด้านล่างจะเป็นวิวทุ่งนาสวยงาม

วัดร้องแง อ.ปัว เป็นวัดโบราณของอำเภอปัว มีวิหารเก่าแก่โดดเด่นและงดงามด้วยวิหารศิลปะไทยลื้อโดยได้ขึ้นทะเบียนเป็นวัดเก่าแก่ ของเมืองน่าน วัดร้องแงได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เป็นรางวัลอาคารอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภทปูชนียสถานและวัดวาอาราม

ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ อ.ปัว อย่างที่บอกว่าสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองปัว จะใกล้ๆ กัน อย่างที่นี่คือฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ อีกหนึ่งการพักผ่อนในรูปแบบของโฮมสเตย์ที่พัก มีร้านอาหารที่นำเห็ดที่เพาะปลูกเองภายในฟาร์มมาเป็นวัตถุดิบในการทำอาหาร เน้นเรื่องสุขภาพ

ความงดงามของลวดลาย เสื้อผ้าของชาวไทลื้อ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ต้องหาซื้อเป็นของฝากกลับบ้าน

ที่พักที่ผมรู้สึกประทับใจที่สุดต้องที่นี่ “โรงเรียนชาวนา” นอกจากจะเป็นที่พักที่บรรยากาศล้อมรอบไปด้วยทุ่งนาแล้ว ที่นี่ยังเปรียบเสมือนศูนย์การเรียนรู้ชาวไทลื้อ

อีกหนึ่งที่พักที่ขึ้นชื่อคือ ตูบนาโฮมสเตย์

“ไร่ต้นรัก” มุมพักผ่อนที่เงียบสงบ ปลูกสตรอเบอรี่ พืชผักออแกนิก มีอาหารเครื่องดื่มและบ้านพักไว้รองรับนักท่องเที่ยว
เส้นทาง : ทางเข้าจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรูปปั้นแมงด้วงกว่าง ป้ายยินดีต้อนรับสู่เมืองปัว ก่อนที่จะเข้าสี่เลน (อยู่ทางฝั่งขวา) เข้าซอยมา 350เมตร
โทร : 081-0338546

นะลาวิวรีสอร์ท อ.ปัว
อีกหนึ่งที่พักหลักร้อยวิวหลักล้าน ที่นี่มีร้านอาหารไว้คอยให้บริการ มีมอเตอไซค์ให้เช่า มีรถยนต์พาเที่ยวและรับส่งสนามบินน่าน เบอร์โทรที่พัก 097-963 4188

จุดชมวิวและลานกางเต็นท์ “ลานดูดาว” จะอยู่ถัดออกมาจากปากทางเข้าอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ริมทางสาย 1256 เป็นลานกางเต็นท์ที่มีเจ้าหน้าที่ดูแล มีเต็นท์ให้เช่า ห้องน้ำสะอาดมากๆๆ มีน้ำอุ่นด้วยนะ ช่วงเดือนมกราคมจุดนี้จะเต็มไปด้วยดอกนางพญาเสือโคร่งสีชมพูสวยงาม

ถัดจากลานดูดาวก็มาถึงจุดชมวิว 1715 ที่ตั้งอยู่ริมทาง สาย 1256 จุดนี้สามารถกางเต็นท์ได้ ห้องน้ำสะดวก ไม่มีอาหารขาย และหนาวเย็นมากบอกเลย 555+
ขอบคุณข้อมูลจาก : ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL , จังหวัดน่าน
บทความอื่นที่น่าสนใจ : ร้านนั่งห้อยขา @นครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
ใส่ความเห็น